แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง และต่อมาได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเนื่องเกี่ยวโยงกัน เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 แม้ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีที่ฟ้องนั้นเสีย จำเลยก็ไม่อาจยกอายุความขึ้นใช้ยันโจทก์ได้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 25ศาลมีอำนาจงดการพิจารณาคดีไว้ หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ มิใช่มีอำนาจสั่งงดการพิจารณาไว้อย่างเดียวโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ต่อมาศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาดในคดีอื่นและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 1แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะต้องสอบสวนและทำความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 105,106เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 1ไว้ในคดีล้มละลายด้วย การพิจารณาคดีของจำเลยที่ 1ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์ ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยที่ 1 เสียได้ ตามมาตรา 25 ตอนท้าย คำสั่งจำหน่ายคดีเช่นนี้มิใช่สั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132
ระหว่างที่คดีโจทก์อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแม้โจทก์จะขอถอนคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายและได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยชอบแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 1 ต่อไป ตามคำร้องของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ในฐานผู้สลักหลัง ให้ร่วมรับผิดตามเช็ค ภายหลังที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้แล้ว ปรากฏว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเข้าดำเนินคดีและให้การแทนจำเลยที่ 1 ว่า หนี้ดังกล่าวเกิดจากการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด และโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว การที่ศาลดำเนินการพิจารณาคดีนี้ต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์ ขอให้ยกฟ้องหรือจำหน่ายคดีของโจทก์เสีย
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดหลายประการ
ในวันชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดแล้ว และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้นัดชี้สองสถานคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ต่อไป
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 1 ก็โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22 ประกอบด้วยมาตรา 25 ซึ่งในมาตรา 25 นั้น บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะมีคำขอต่อศาล และศาลมีอำนาจงดการพิจารณาคดีของจำเลยที่ 1 ไว้ หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ มิใช่มีอำนาจสั่งงดการพิจารณาไว้อย่างเดียว กรณีของจำเลยที่ 1 นี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยื่นคำร้องและคำให้การไว้ว่า โจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ไว้แล้ว แม้โจทก์คดีนี้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะต้องสอบสวนและทำความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 105, 106 อยู่แล้ว การพิจารณาคดีของจำเลยที่ 1 ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยที่ 1 เสียได้ตามมาตรา 25 ตอนท้าย กรณีของโจทก์ไม่ต้องด้วยมาตรา 92, 93 ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า คำสั่งจำหน่ายคดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 นั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 25 ตอนท้าย มิใช่สั่งตามบทกฎหมายที่โจทก์ฎีกา ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ถ้าหากดำเนินคดีไป จำเลยไม่อาจยกอายุความมาใช้ยันโจทก์ได้เพราะโจทก์ได้ฟ้องคดีไว้ก่อนสิ้นอายุความไม่กี่วันนั้น เห็นว่าการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง และต่อมาได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 จำเลยไม่อาจยกอายุความขึ้นใช้ยันโจทก์ได้อยู่แล้ว
ระหว่างที่คดีของโจทก์อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่า โจทก์ได้ถอนคำขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 1ในคดีล้มละลาย และได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วขอให้ศาลฎีกายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 1 ต่อไปนั้นเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยที่ 1 โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะแก้ไขให้เป็นไปตามคำร้องของโจทก์ได้
พิพากษายืน