คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรคสาม โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเงินให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลย จดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการ โจทก์เป็นผู้จัดการ จำเลยเป็นผู้ออกเงินทุนทั้งหมด และเป็นผู้ดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยอาศัยชื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการ เนื่องจากจำเลยเชิดให้โจทก์เป็นตัวแทนดำเนินการค้าแต่ในนาม แต่ความจริงจำเลยเป็นผู้ดำเนินงานทั้งสิ้น โจทก์ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเพราะใช้ชื่อโจทก์ประกอบการค้า จำเลยไม่ยอมเสียภาษี จนทางราชการได้ยึดทรัพย์ของโจทก์ จำเลยไม่ยอมรับผิด ขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้ลงทุน และเป็นตัวการให้โจทก์ตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนเชิดของจำเลย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยเชิดให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลย โดยจำเลยออกทุนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการและโจทก์เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เมื่อจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนแล้ว จำเลยเป็นผู้ดำเนินกิจการค้าของห้างหุ้นส่วนตลอดมา แต่จำเลยไม่ยอมเสียภาษี จนเป็นเหตุให้ทางราชการยึดทรัพย์ของโจทก์ขายทอดตลาดเอาเงินชำระภาษี และจำเลยไม่ยอมรับผิดชดใช้ความเสียหายแก่โจทก์ตามโจทก์ฟ้อง และโจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาลโจทก์จึงมีสิทธิดำเนินคดีกับจำเลยตามที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายตามที่กล่าวในฟ้องต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรค 3 โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์

พิพากษายืน

Share