แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 9 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ลงนามอนุมัติจัดซื้อหนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นหนังสือประกอบหลักสูตรเท่านั้น โดยวิธีกรณีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดซื้อและซื้อจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด ซึ่งมิใช่หน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ อันเป็นการขัดระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2522 แม้หนังสือที่ขออนุมัติจัดซื้อได้ผ่านการตรวจสอบของจำเลยร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัด จำเลยร่วมที่ 2 ซึ่งเป็นปลัดจังหวัด และจำเลยร่วมที่ 3 ซึ่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นก็ตาม แต่จำเลยที่ 9 เป็นผู้อนุมัติชั้นสุดท้ายต้องไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบ ไม่ใช่เพียงแต่ลงนามอนุมัติผ่านไปตามความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น เมื่อการอนุมัติจัดซื้อเป็นเหตุให้โจทก์ซื้อหนังสือพิพาทแพงไป การกระทำของจำเลยที่ 9 จึงเป็นความประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
ส่วนที่จำเลยที่ 9 ฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วยนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้จำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ คดีสำหรับจำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 9 ไม่อาจแก้อุทธรณ์เพื่อให้จำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 ตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 9 มานั้น เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยที่ 9 จึงไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันรับผิดชำระค่าเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะสำเร็จ เงินต้นรวมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 469,550.81 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าร่วมกันชำระเงินจำนวน 469,550.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 341,491.50 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 9 ยื่นคำร้องขอให้เรียกนางศิริกัญญาหัวหน้าส่วนการคลังองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร้อยเอกสถาพรปลัดจังหวัด และร้อยตรีวัฒนารองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เข้าเป็นจำเลยร่วมที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 469,550.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 341,491.50 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 12 พฤศจิกายน 2533) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 8 รับผิดไม่เกินทรัพย์มรดกที่ได้รับ และให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความ 12,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 9 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 9 ในประการแรกว่า จำเลยที่ 9 ร่วมกระทำละเมิดกับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า จำเลยที่ 9 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2523 ต่อมากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้โอนเงินงบประมาณจำนวน 900,000 บาท ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนและแบบพิมพ์ เพื่อใช้ในกิจการการศึกษาประชาบาล จำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดการเงินและบัญชีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรในขณะนั้นได้ทำบันทึกขออนุมัติจัดซื้อ ถึงจำเลยที่ 9 ในฐานะผู้มีอำนาจอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้าง ขออนุมัติจัดซื้อหนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวมเป็นเงิน 499,500 บาท จากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด โดยวิธีกรณีพิเศษ บันทึกดังกล่าวเสนอผ่านจำเลยร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัด จำเลยร่วมที่ 2 ซึ่งเป็นปลัดจังหวัด และจำเลยร่วมที่ 3 ซึ่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรในขณะนั้น จำเลยที่ 9 ลงนามอนุมัติให้จัดซื้อและแต่งตั้งกรรมการดำเนินการตามเสนอ ต่อมามีการสืบสวนและสอบสวนและพบว่ามีการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนและตั้งฎีกาเบิกจ่ายในวันเดียวมีพฤติการณ์ทุจริตประพฤติมิชอบ จำเลยที่ 9 อ้างในฎีกาสรุปใจความว่า เหตุที่จัดซื้อหนังสือโดยวิธีกรณีพิเศษจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด เพราะมีความเร่งด่วน ถ้าไม่รีบจัดซื้อจะเกิดผลเสียหายเป็นอย่างมาก เป็นการซื้อต่อเนื่องจากที่มีการจัดซื้อตามงบประมาณที่ได้รับในครั้งเดือนกันยายน 2523 ซึ่งไม่เพียงพอแจกจ่าย ทั้งเป็นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย และหนังสือของสำนักเลขาธิการที่ให้สนับสนุนการซื้อเครื่องเขียนและแบบเรียนจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด โดยไม่ต้องสืบราคาหรือประกวดราคา และโจทก์ไม่เสียหาย เพราะราคาหนังสือที่ซื้อมาเหมาะสมกับมูลค่าของหนังสือ นอกจากนี้หนังสือที่ขออนุมัติจัดซื้อยังผ่านการตรวจสอบจากจำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 ตามสายงาน ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการจังหวัดแล้ว เห็นว่า หนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นหนังสือประกอบหลักสูตรเท่านั้น มิใช่หนังสือในหลักสูตรโดยตรง จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดซื้อ ทั้งเป็นการจัดซื้อจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด ซึ่งมิใช่หน่วยราชการและไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ จึงเป็นการขัดระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2522 ส่วนหนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพียงแต่ชักชวนให้ซื้อหนังสือจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด เท่านั้น ไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติตาม ทั้งโจทก์นำสืบราคาเฉลี่ยของหนังสือดังกล่าวราคาเล่มละ 9.49 บาท ประกอบกับเป็นหนังสือเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นทั่ว ๆ ไปของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เท่านั้น ไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษในการเรียบเรียง จึงเห็นว่า ราคาที่ซื้อเป็นราคาที่แพงเกินความจริงไปเล่มละ 20.51 บาท แม้หนังสือที่ขออนุมัติจัดซื้อได้ผ่านการตรวจสอบจากจำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 แต่จำเลยที่ 9 เป็นผู้อนุมัติชั้นสุดท้ายต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่ใช่เพียงแต่ลงนามอนุมัติผ่านไปตามความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น เมื่อการอนุมัติจัดซื้อเป็นเหตุให้โจทก์ซื้อหนังสือพิพาทแพงไป การกระทำของจำเลยที่ 9 จึงเป็นความประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ซึ่งเป็นส่วนราชการเสียหาย ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
ปัญหาประการต่อไป จำเลยที่ 9 ฎีกาขอให้จำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วยนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้จำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ คดีสำหรับจำเลยร่วมที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 9 ไม่อาจแก้อุทธรณ์เพื่อให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับวินิจฉัยถึงความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 9 มานั้น เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยที่ 9 จึงไม่มีสิทธิฎีกาประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.