แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสอง ผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 91 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก ๒ คน ร่วมกันใช้มีดบังตอ ปืน และมีดปลายแหลม เป็นอาวุธฟัน ยิง แทง นายงาม อุทัยอ่วมผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่าและจำเลยกับพวกอีก ๑ คน ร่วมกันใช้มีดบังตอและปืนเป็นอาวุธฟันและยิงนายสินชัย อำนวยผล ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายทั้งสองได้รับการรักษาจากแพทย์ทัน ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่นายงาม อุทัยอ่วม ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน ส่วนนายสินชัย อำนวยผล ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ เป็นสองกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา ๙๑ ลงโทษจำคุกกระทงละ ๑๐ ปี รวมจำคุก ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๙๑ ให้จำคุกกระทงละ ๑ ปี รวมจำคุก ๒ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายสมทรงญาติของจำเลยใช้ปืนยิงนายงาม ผู้เสียหาย ๓ นัด นายงามถูกยิงแล้วก็เข้ากอดปล้ำนายสมทรง นายสินชัยผู้เสียหายก็เข้ากอดปล้ำนายสมทรงแย่งปืนจึงถูกนายสมทรงยิงเอา ๑ นัด จำเลยซึ่งทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์มาแต่ต้นได้ถือมีดทำครัวออกมาฟันนายงามและนายสินชัย ศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลของนายสินชัย ๒ แผลกว้างเพียง ๐.๕ เซนติเมตร ยาวเพียง ๓ เซนติเมตร แม้จะลึกถึงกะโหลกศีรษะก็เป็นเพราะบริเวณศีรษะมีส่วนที่เป็นเนื้อหนังหุ้มกะโหลกศีรษะอยู่น้อย บาดแผลอื่นที่ศีรษะอีก ๒ แผลไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากการถูกฟัน และบาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน ๑๕ วันส่วนบาดแผลของนายงามมีทั้งหมด ๘ แห่งบาดแผลที่ถูกจำเลยฟันคือแผลที่๑ และแผลที่ ๖ แผลที่ ๖ กว้างเพียง ๑ เซนติเมตร ยาว ๕ เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง บาดแผลต่าง ๆ เหล่านี้แสดงว่าจำเลยมิได้ฟันโดยแรง ส่วนแผลที่ ๑ ที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนซึ่งน่าจะหมายถึงกระดูกอ่อนที่ใบหู ยาวตลอดลำคอด้านซ้ายกว้าง ๒ เซนติเมตร ยาว ๑๕ เซนติเมตรลึกถึงกล้ามเนื้อ แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรและรักษาบาดแผล มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้นายงามถึงแก่ความตายได้ แต่กลับว่าบาดแผลอื่นที่มิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอาจทำให้นายงามถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เหตุเกิดจากการชุลมุนกอดปล้ำกัน แล้วจำเลยเข้าช่วยญาติของตนด้วยการใช้มีดฟันและฟันถูกเต็มใบมีดจึงเป็นแผลที่ยาว ๑๕ เซนติเมตร บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วันจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๙๑ เท่านั้น
พิพากษายืน