คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องทำสัญญาเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว จึงเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าจัดการทรัพย์สินของจำเลยตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(1) เมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบจะใช้สิทธิฟ้องผู้ร้องตาม มาตรา 22(3) จะใช้วิธีแจ้งความเป็นหนังสือตาม มาตรา 119 หาได้ไม่ เพราะไม่ใช่กรณีที่จำเลยมีสิทธิเรียกร้องต่อผู้ร้องอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดการตาม มาตรา 22(2)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2533 ผู้ร้องได้รับสำเนาหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถึงผู้ร้องให้ชำระหนี้ 50,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่กองทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องไม่เคยได้รับหนังสือแจ้งความดังกล่าว จึงได้ยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ตามหนังสือนั้น แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งว่าผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งความโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ปฏิเสธหนี้ภายใน 14 วัน นับแต่วันรับจึงขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2533
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งความให้ชำระหนี้ไว้ โดยชอบผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนดขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องข้อแรกว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระหนี้กรณีเช่นนี้ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 ได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่าผู้ร้องทำสัญญาเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วกรณีจึงเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(1) ฉะนั้นเมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่อันเนื่องมาจากสัญญาเช่าระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องผู้ร้องตามมาตรา 22(3) จะใช้วิธีแจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระเงินตามมาตรา 119 หาได้ไม่เพราะไม่ใช่กรณีที่จำเลยมีสิทธิเรียกร้องต่อผู้ร้องอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยตามมาตรา 22(2)การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งความให้ผู้ร้องชำระเงินกรณีเช่นนี้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นนี้ศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาผู้ร้องข้ออื่นอีกต่อไป ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหนังสือแจ้งความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2533

Share