คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ให้การว่ารับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้าง ส. ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้และไม่มีคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโต้แย้ง จึงไม่มีประเด็นพิพาทในเรื่องนี้ และการที่จำเลยที่ 3 ให้การดังกล่าวก็ไม่เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ เพราะการระบุชื่อห้าง ส. เป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นว่าไม่ได้เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ฉะนั้น คดีต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 มิได้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นภริยานายเชาว์ และเป็นผู้เช่าซื้อครอบครองรถยนต์ยี่ห้อดัทสันร่วมกับนายเชาว์ โจทก์ที่ ๒ เป็นทายาทโดยธรรมของนางน้ำไหล โจทก์ที่ ๓ เป็นสามีของนางสมจิตร จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถบรรทุกสิบล้อของจำเลยที่ ๒ ซึ่งมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับประกันภัยประเภทค้ำจุน จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถบรรทุกตามคำสั่งและในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้ชนรถยนต์ยี่ห้อดัทสันซึ่งมีนายเชาว์เป็นผู้ขับและมีนางน้ำไหล นางสมจิตรโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๔ ถึงที่ ๑๐ นั่งมาด้วย เป็นเหตุให้นายเชาว์ นางน้ำไหล นางสมจิตร ถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๔ ถึงที่ ๑๐ ได้รับบาดเจ็บสาหัส รถยนต์ยี่ห้อดัทสันเสียหายมาก โจทก์ทั้งสิบได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดรวมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทุกคนพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การร่วมกันว่า จำเลยที่ ๑ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุก เหตุคดีนี้เกิดเพราะนายเชาว์ขับรถประมาทไปชนกับรถที่จำเลยที่ ๑ ขับ โจทก์ทุกคนไม่เสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การทำนองเดียวกับจำเลยที่ ๑และที่ ๒ เว้นแต่รับว่าจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุก กับให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๓ ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฯ ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสิบพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนเงินที่ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้แก่โจทก์ทั้งสิบ
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๓ ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า จำเลยที่ ๓ รับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฯ ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ซึ่งศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยไม่ได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้ แต่พิพากษาว่าจำเลยที่ ๓ ต้องร่วมรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๗๕ จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นพิพาทไว้ในชั้นชี้สองสถาน และจำเลยที่ ๓ ก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยก็เป็นเรื่องนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๓ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย เห็นว่าศาลชั้นต้นได้ชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้ แต่คดีนี้จำเลยที่ ๓ ได้ให้การปฏิเสธว่า รับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฯ ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ ๒ จึงเป็นการปฏิเสธฟ้องของโจทก์ที่ว่ารับประกันภัยรถของจำเลยที่ ๒ และไม่เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ เพราะการระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฯ นั้น เป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นว่าไม่ได้เกี่ยวพันกับจำเลยที่ ๒ ฉะนั้นในการชี้สองสถานเมื่อจำเลยที่ ๓ มิได้แถลงรับว่าเป็นผู้รับประกันภัยจำเลยที่ ๒ แล้ว จะถือว่าจำเลยที่ ๓ ยอมรับข้อเท็จจริงว่าเป็นผู้รับประกันภัยจำเลยที่ ๒ หาได้ไม่ คดีต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๓ มิได้รับประกันภัยจำเลยที่ ๒ เมื่อจำเลยที่ ๓ ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ ในการละเมิดนี้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสิบเฉพาะจำเลยที่ ๓ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share