คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้วินิจฉัยให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นภริยาของลูกจ้างที่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า เป็นการแจ้งให้นายจ้างทราบ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน และการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516 ข้อ 16 และย่อมแสดงอยู่ในตัวว่า โจทก์ผู้เป็นนายจ้างได้จ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามข้อ 2 ทั้งการจ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างนั้นอาจเป็นเหตุให้นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นได้ด้วยตามนัยแห่ง ข้อ 3 โจทก์จึงมีส่วนได้เสียอยู่ด้วยในการจ่ายหรือไม่จ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ แม้เงินทดแทนนั้นจะจ่ายจากองทุนเงินทดแทนก็ตาม เมื่อโจทก์ทักท้วงว่าจำเลยที่ 3 ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนแล้ว แต่จำเลยที่ 2 ยืนยันว่าจะจ่ายเงินทดแทนแก่จำเลยที่ 3 ดังนี้ ย่อมต้องถือว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์กับจำเลยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานแล้ว ซึ่งข้อนี้ฝ่ายจำเลยก็ทราบดี ดังจะเห็นได้จากหนังสือของจำเลยที่ 2 ยืนยันคำวินิจฉัยไปยังโจทก์ได้กล่าวไว้ด้วยว่า ถ้าโจทก์ไม่เห็นพ้องด้วย ก็ขอให้ร้องต่อศาลภายใน 15 วัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างโจทก์ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์จึงได้จ่ายเงินทดแทนให้แก่จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นภริยาผู้ตาย ต่อมาจำเลยที่ ๓ กลับยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ ซึ่งคู่ความตกลงกันได้ โดยโจทก์ยอมให้จำเลยที่ ๓ ไปรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ต่อมาจำเลยที่ ๓ ได้ยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและเป็นผู้วินิจฉัยในการจ่ายเงินทดแทนตามกฎหมาย ได้มีหนังสือแจ้งการวินิจฉัยมายังโจทก์ว่าอนุมัติให้จ่ายเงินทดแทนให้แก่จำเลยที่ ๓ โจทก์เห็นว่าเป็นการจ่ายเงินทดแทนซ้ำซ้อนกับที่โจทก์ได้จ่ายไปแล้ว และจำเลยที่ ๓ ได้ยื่นคำเรียกร้องเกินกำหนดเวลา จึงมีหนังสือถึงจำเลยที่ ๒ ขอให้พิจารณาและวินิจฉัยใหม่ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้มีหนังสือตอบยืนยันคำวินิจฉัยเดิมจึงขอให้พิพากษาว่า คำวินิจฉัยของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ่ายเงินทดแทนตามฟ้องให้จำเลยที่ ๓ และพิพากษาว่าจำเลยที่ ๓ ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินทดแทนดังกล่าว
ศาลแรงงานกลางสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า คำวินิจฉัยของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนเป็นเรื่องระหว่างกองทุนเงินทดแทนกับลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ มิใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้เป็นนายจ้าง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่รับฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องแสดงให้เห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ผู้เป็นนายจ้างฟ้องคัดค้านการที่ผู้อำนวยการกองทุนเงินทดแทน จำเลยที่ ๒ จะจ่ายเงินทดแทนให้แก่จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นภริยาของลูกจ้างโจทก์ผู้ประสบอันตรายจนถึงแก่ความตาย การที่สำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้วินิจฉัยให้จำเลยที่ ๓ กับบุตรมีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบด้วยดังสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๓ นั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นการแจ้งให้นายจ้างทราบตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนังานกองทุนเงินทดแทน และการอุทธรณ์ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๒ ข้อ ๑๖ และย่อมแสดงอยู่ในตัวว่า โจทก์ผู้เป็นนายจ้างได้จ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามข้อ ๒ ทั้งการจ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างนั้นอาจเป็นเหตุให้นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นได้ด้วยตามนัยแห่งข้อ ๓ โจทก์จึงมีส่วนได้เสียอยู่ด้วยในการจ่ายหรือไม่จ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ แม้เงินทดแทนนั้นจะจ่ายจากกองทุนเงินทดแทนก็ตาม เมื่อโจทก์ทักท้วงว่าจำเลยที่ ๓ ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนแล้ว แต่จำเลยที่ ๒ ยืนยันว่าจะจ่ายเงินทดแทนแก่จำเลยที่ ๓ ดังนี้ย่อมต้องถือว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์กับจำเลยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานแล้ว ซึ่งข้อนี้ฝ่ายจำเลยก็ทราบดีดังจะเห็นได้จากสำเนาเอกสารหมาย ๕ ท้ายฟ้องซึ่งเป็นหนังสือของจำเลยที่ ๒ ยืนยันคำวินิจฉัยไปยังโจทก์ได้กล่าวไว้ด้วยว่า ถ้าโจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยก็ขอให้ร้องต่อศาลภายใน ๑๕ วัน
พิพากษากลับ ให้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป

Share