คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา47กำหนดภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายได้แก่เรือนจำหรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัวบทบัญญัติดังกล่าวแยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น2กรณีต่างหากจากกันคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลกรณีหนึ่งและถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายอีกกรณีหนึ่งหาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรีจำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี แต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดดังนี้จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา47ไม่ได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ซึ่งเหตุเกิดที่ตำบลทับสวายอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยถูกศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) พิพากษาจำคุก 27 ปี 12 เดือนตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2646/2537 ขณะฟ้องคดีนี้จำเลยถูกขังอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 จึงขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีไม่ใช่ที่อยู่ของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1)จึงไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่าการที่จำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ อำเภอกบินทร์บุรี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) ซึ่งคดียังไม่ถือที่สุดจะเป็นการต้องโทษจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยชอบด้วยกฏหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 อันจะทำให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) หรือไม่เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 บัญญัติว่า “ภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้แก่เรือนจำ หรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว” บทบัญญัติดังกล่าวได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น2 กรณีต่างหากจากกัน กล่าวคือ ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่ง และถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่ง และถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่งหาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่ เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องนี้จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษา แต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดดังนี้จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ไม่ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2536 ระหว่างพนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วโจทก์ นายจันทร์ ไทยนอก กับพวก จำเลย ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share