แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า แล้วชำระภาษีศุลกากรภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่1ตรวจแบบที่ยื่นถูกต้องแล้วก็รับเงินภาษีอากรที่โจทก์ขอชำระนั้นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นนี้แม้ในส่วนภาษีการค้าจะได้ทำแทนกรมสรรพากรจำเลยที่ 2 ก็หาใช่เป็นการประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 87 ไม่จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 30เสียก่อนฟ้องคดี
สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรมิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุดจึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา 79ตรี(11) ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่เก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพื่อจำเลยที่ 2 สำหรับสินค้าที่ผู้ประกอบการค้านำเข้ามาในราชอาณาจักรและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีก่อนที่จะมีการออกใบขนสินค้าให้ตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร โจทก์ได้นำลูกกลิ้งรองรับเตาเผาซิเมนต์แบบหมุนเข้ามาใช้ในโรงงานของโจทก์ ของดังกล่าวเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการผลิตของตนเองจึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามนัยแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11) แต่จำเลยที่ 1 เรียกเก็บภาษีดังกล่าวจากโจทก์ก่อนปล่อยของเป็นเงิน 34,219.64 บาท โจทก์จำต้องเสียภาษีไปก่อนมิฉะนั้นจำเลยที่ 1จะไม่ปล่อยของ โจทก์ขอคืนภาษีนี้แล้ว จำเลยทั้งสองไม่คืนให้ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเป็นเงิน 34,219.64 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ขอคืนจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน1,924.83 บาท และนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองร่วมกันให้การว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตของตนเอง โดยสภาพต้องนำเข้ามาเป็นชุดใช้ประกอบกันเป็นเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรนั้นใช้ในการผลิตได้ โจทก์ได้เปิดดำเนินกิจการเป็นเวลานานแล้วดังนั้น สินค้าที่โจทก์นำเข้าตามฟ้องเพื่อสำรองไว้ใช้จึงมิใช่ตัวเครื่องจักรอันจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11) เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลจากโจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์มิได้ปฎิบัติตามพิธีการที่กรมศุลกากรได้ประกาศใช้จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สินค้ารายพิพาทเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรที่ใช้เพื่อการผลิตของโจทก์เอง จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามนัยแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11) พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินภาษี 34,219.64 บาท และดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 1,924.83 บาทรวมเป็นเงิน 36,144.44 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี สำหรับต้นเงิน 34,219.64 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สินค้าที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นหมายถึงส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรที่นำเข้าพร้อมกับเครื่องจักรเท่านั้นลูกกลิ้งที่โจทก์นำเข้านั้นเป็นสินค้าอะไหล่ โจทก์ไม่ได้รับยกเว้นการเสียภาษีพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ในเบื้องต้นเห็นสมควรวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ตามข้อเท็จจริงข้างต้น โจทก์ยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า แล้วชำระภาษีศุลกากร ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่ 1 ตรวจแบบที่ยื่นถูกต้องแล้วก็รับเงินภาษีอากรที่โจทก์ขอชำระนั้น การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นนี้แม้ในส่วนภาษีการค้าจะได้กระทำแทนจำเลยที่ 2 ก็หาใช่เป็นการประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30 เสียก่อนฟ้องฉะนั้น โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้านั้นเป็นสินค้าอันได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11)หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเครื่องจักรพร้อมทั้งส่วนประกอบและอุปกรณ์นั้นโจทก์ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งนี้มิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่ แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุด จึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11) ไม่
พิพากษายืน