คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ทะเบียนรถยนต์มิได้เป็นหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ในตัวรถยนต์แต่ก็เป็นเอกสารราชการสำคัญ และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะยังประโยชน์ให้สามารถใช้สอยรถยนต์ได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย การที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่รับจดทะเบียนรถยนต์กระทำการโดยประมาทเลินเล่อรับจดทะเบียนรถยนต์โดยไม่ถูกต้อง ทำให้โจทก์ซึ่งซื้อรถยนต์ต่อมาโดยหลงเชื่อในสิทธิของผู้มีชื่อที่ปรากฏในทะเบียนรถยนต์ต้องได้รับความเสียหาย การรับจดทะเบียนรถยนต์ที่ไม่ถูกต้องจึงเป็นเหตุโดยตรงที่ก่อให้เกิดข้อผิดหลง และความเสียหายดังกล่าว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อรถยนต์จากนายดำรงค์ชัย เจ๊ะสมอเจ๊ะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของโจทก์โดยนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดปัตตานี และแจ้งย้ายไปจังหวัดยะลา ต่อมาร้อยตำรวจตรีเวียง อ่อนจันทร์ ได้ยึดรถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ไปเป็นของกลางประกอบคดีอ้างว่า นายชัยรัตน์ รัตนกสิกร นำเอกสารปลอมเกี่ยวกับรถยนต์ไปยื่นขอจดทะเบียนต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยอมจดทะเบียนและออกเอกสารใบคู่มือการจดทะเบียนให้โดยจำเลยที่ 2 ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ การรับจดทะเบียนรถยนต์พิพาทดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังไม่ตรวจสอบเอกสาร จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 1มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 2ที่ 3 เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อมาเสียหาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 150,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ประมาทเลินเล่อไม่ได้รับจดทะเบียนรถยนต์พิพาทกับโจทก์และโจทก์มิได้รับโอนจากเจ้าของ โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน150,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยทั้งสามโดยกำหนดค่าทนายความรวม2,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทะเบียนรถยนต์มิได้เป็นหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ในตัวรถยนต์ก็จริง แต่คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องโดยตั้งข้อเรียกร้องในตัวกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยอ้างทะเบียนรถยนต์ หากแต่ตั้งข้อเรียกร้องจำนวนเงินราคารถยนต์ที่โจทก์ได้ชำระไปเป็นความเสียหายอันเนื่องจากความหลงเชื่อในความถูกต้องแท้จริงของทะเบียนดังกล่าว ทะเบียนรถยนต์เป็นเอกสารราชการสำคัญเป็นที่รับรู้ถือปฏิบัติยอมรับกันทั่วไป และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะยังประโยชน์ให้สามารถใช้สอยรถยนต์ได้โดยถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด การซื้อขายรถยนต์จะสำเร็จได้ประโยชน์บริบูรณ์ตามความประสงค์ของผู้ซื้อย่อมต้องอาศัยการรับโอนทะเบียนจากผู้มีชื่อปรากฏเป็นเจ้าของตามทะเบียนนั้นเป็นหลัก การตกลงและตัดสินใจยอมชำระค่ารถยนต์ที่ซื้อประชาชนย่อมอาศัยทะเบียนเป็นหลักฐานแห่งสิทธิของผู้ขาย ดังนี้การที่โจทก์ชำระเงินค่ารถยนต์ไปจึงเกิดจากความหลงเชื่อในสิทธิของผู้มีชื่อที่ปรากฏในทะเบียนที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จัดทำขึ้นดังกล่าว การรับจดทะเบียนรถที่ไม่ถูกต้องของจำเลยที่ 2 ที่ 3ตามฟ้อง จึงเป็นเหตุโดยตรงที่ก่อให้เกิดข้อผิดหลงและเป็นผลให้เกิดความเสียหาย โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรงและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดได้ แล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3กระทำโดยประมาทเลินเล่อ จำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 4,000 บาท

Share