คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ให้ ว. เป็นผู้ไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ จึงถือว่า ว. เป็นตัวแทนโจทก์รับชำระหนี้จากจำเลย ดังนั้น เมื่อจำเลยนำหลักฐานที่ ว.ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินตามสำเนาใบมอบฉันทะถอนเงินเอกสารหมาย ล.1 มาแสดง จึงถือได้ว่าเป็นการนำสืบการใช้เงินโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือของตัวแทนผู้ให้กู้ยืมเงินมาแสดง ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 25,000 บาท ตกลงจะให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี วันที่ 1 มีนาคม 2530 โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย จำเลยไม่ยอมชำระ จึงต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 25,000 บาท นับแต่วันที่จำเลยกู้ยืมเงินถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย6,250 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 31,250 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 31,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2528 และวันที่ 30ตุลาคม 2528 จำเลยได้กู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 50,000 บาท และ25,000 บาท ตามลำดับ จำเลยนำเงินเดือนของจำเลยโอนเข้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยซึ่งฝากไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาตลาดพลู และได้มอบสมุดบัญชีเงินฝากกับใบมอบฉันทะถอนเงินโดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์กรอกจำนวนเงินแต่ละเดือนนำไปถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาตลาดพลูทุก ๆ เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2528 เป็นต้นมา จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น การจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง การนำสืบการใช้เงินของจำเลยไม่ต้องด้วยกฎหมายดังกล่าว จึงรับฟังไม่ได้นั้น เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ให้นายวงศ์สกุลเป็นผู้ไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลย เพื่อชำระหนี้โจทก์ จึงถือว่านายวงศ์สกุลเป็นตัวแทนโจทก์รับชำระหนี้จากจำเลย ดังนั้นเมื่อจำเลยนำหลักฐานที่นายวงศ์สกุลลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินตามสำเนาใบมอบฉันทะถอนเงินเอกสารหมาย ล.1 มาแสดง จึงถือได้ว่าเป็นการนำสืบการใช้เงินโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือของตัวแทนผู้ให้กู้ยืมเงินมาแสดงแล้ว การนำสืบการใช้เงินของจำเลยจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง ศาลมีอำนาจรับฟังได้
พิพากษายืน

Share