คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ การที่โจทก์ไปขอใช้เงินแก่เจ้าของที่ดินจำเลยคนก่อนแต่เขาไม่ยอมก็ดีหรือโจทก์ขอให้ผลมะพร้าวให้จำเลยแล้วผิดข้อตกลงกันก็ดี เมื่อเป็นเรื่องโจทก์เสนอให้ค่าตอบแทนเพื่อโจทก์จะทำถนนได้กว้างขึ้นเท่านั้น จึงไม่ทำให้ทางพิพาทซึ่งตกเป็นภารจำยอมอยู่แล้วกลายเป็นไม่เป็นภารจำยอมหรือภารจำยอมหมดสิ้นไปแต่อย่างใด แม้ทางพิพาทจะตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ แต่การปักเสาไฟฟ้าการวางสายไฟฟ้าในที่ดินจำเลยที่เป็นภารจำยอมนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์ ทำให้เกิดภารเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ได้ เมื่อโจทก์ไม่ให้ค่าทดแทนและไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยโจทก์จึงหามีสิทธิปักเสาพาดสายไฟฟ้าตามทางพิพาทไม่

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกนายลุ้ย เรืองประดิษฐ์ ว่า โจทก์และพระอธิการประสารศิลาอาสน์ ว่า จำเลย
โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า โจทก์ใช้ถนนกว้าง 3 เมตร ยาว 500 เมตรผ่านที่ดินของจำเลยเข้าออกสู่ถนนสาธารณะประมาณ 40 ปี จึงได้สิทธิภารจำยอม จำเลยสร้างประตูรั้วใส่โซ่และกุญแจปิดกั้นปากทางดังกล่าวขอให้จำเลยรื้อประตูรั้ว และจดทะเบียนภารจำยอม ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับถนนภารจำยอม
จำเลยสำนวนแรก ให้การว่า โจทก์ถือวิสาสะที่เป็นญาติเดินผ่านที่ดินของจำเลยเป็นทางเดินกว้างไม่เกิน 1 ศอก โจทก์ทำถนนเพียง4 เดือน จึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ในสำนวนหลังฟ้องว่า โจทก์รับโอนที่ดินมาจากนายแดงจำเลยนำดินมาถมในที่โจทก์ทำเป็นถนน ทำให้ต้นมะพร้าวที่โจทก์ปลูกไว้ตายไป 2 ต้น คิดเป็นค่าเสียหาย 1,000 บาท แล้วจำเลยปักเสาพาดสายไฟฟ้าตามแนวความยาวของถนนนั้น ขอให้จำเลยนำดินที่ถมเป็นถนนออกจากที่ดินโจทก์ให้มีสภาพเป็นทางเดินเล็ก ๆ เหมือนเดิมให้รื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าที่ผ่านที่ดินของโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย1,000 บาท
จำเลยในสำนวนหลังให้การว่า จำเลยและชาวบ้านได้ทำการพัฒนาหมู่บ้านโดยนำดินมาถมตามทางภารจำยอมกว้างเท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มภารแก่ที่ดินของโจทก์ สำหรับต้นมะพร้าว 2 ตัน ที่เสียหายจำเลยและผู้ใหญ่บ้านได้นำเงิน 1,000 บาท ไปชดใช้ให้แก่โจทก์แล้วแต่โจทก์ไม่ยอมรับ เสาไฟฟ้าปักห่างทางไม่เกิน 1 เมตร เป็นส่วนควบของทางและปักมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทในส่วนที่ผ่านที่ดินของจำเลยตั้งแต่ทิศเหนือลงมาสู่ทิศใต้ตามแผนที่สังเขป เป็นทางภารจำยอมกว้าง 3 เมตร ให้จำเลยรื้อถอนประตูที่ทำปิดปากทางออกภายใน 30 วันหากไม่รื้อให้โจทก์รื้อโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภารจำยอมในหนังสือ น.ส.3 ก. ภายใน 30 วัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยให้โจทก์รื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ปักอยู่ในทางพิพาทในที่ดินของจำเลยออกไปภายใน 30 วัน หากไม่รื้อให้จำเลยรื้อถอนเอง โดยให้โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วนที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้ต้นมะพร้าวของจำเลยตาย 2 ต้น เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาทนั้น จำเลยมิได้เสียค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนจึงไม่พิจารณาให้
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้เงิน1,000 บาท แก่จำเลยและให้ยกคำขอที่ว่า หากโจทก์ไม่รื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ปักอยู่ในที่ดินของจำเลย ให้จำเลยรื้อถอนเองโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์และชาวบ้านใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยรวมทั้งส่วนที่เป็นถนนเส้นตรงตัดใหม่เดินและใช้รถยนต์สัญจรไปมาตั้งแต่ปี 2519 จนถึงวันฟ้องคดีนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้างเพียง 2 เมตร การที่โจทก์ไปขอใช้เงิน 2,000 บาทแก่นายแดงแต่นายแดงไม่ยอมก็ดีหรือโจทก์ขอให้ผลมะพร้าวให้จำเลยแต่ผิดข้อตกลงกันก็ดี กรณีเป็นเรื่องโจทก์เสนอให้ค่าตอบแทนเพื่อโจทก์จะทำถนนได้กว้างขึ้นเป็นการขอภารจำยอมซึ่งมีอยู่แต่เดิมแล้วให้ได้ภารจำยอมเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นการกระทำดังกล่าวของโจทก์ไม่ทำให้ทางพิพาทซึ่งตกเป็นภารจำยอมอยู่แล้วกลายเป็นไม่เป็นภารจำยอมหรือภารจำยอมหมดสิ้นไปแต่อย่างใดโจทก์จึงได้ภารจำยอมในทางพิพาทในที่ดินของจำเลยกว้าง 2 เมตรตั้งแต่ทิศเหนือลงมาสู่ทิศใต้ตามเอกสารหมาย จ.3 หรือเอกสารหมาย จ.10ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของโจทก์ว่า เมื่อทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิวางเสาไฟฟ้าตามทางพิพาทในที่ดินของจำเลยนั้น เห็นว่าแม้ทางพิพาทจะตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ แต่เรื่องภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความในที่ดินของจำเลยนั้นโจทก์เพียงได้สิทธิที่จะใช้ที่ดินจำเลยส่วนที่ตกเป็นภารจำยอมเป็นทางสัญจรไปมาสู่ถนนสาธารณะเท่านั้น การปักเสาไฟฟ้า การวางสายไฟฟ้าในที่ดินจำเลยที่เป็นภารจำยอมนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นไม่ให้สิทธิแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ที่จะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ได้ โดยที่โจทก์ไม่ให้ค่าทดแทนและไม่ได้ความยินยอมจากจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ โจทก์ไม่มีสิทธิปักเสาพาดสายไฟฟ้าตามทางพิพาทในที่ดินของจำเลย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจากทิศเหนือลงมาสู่ทิศใต้ตามแผนที่สังเขป กว้าง 2 เมตร ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวให้แก่โจทก์หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยรื้อถอนประตูรั้วที่ปิดปากทางออกให้กว้าง 2 เมตร คำขอนอกจากนี้ของโจทก์ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share