คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2203/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 7 ฟ้องคดีล้มละลาย โจทก์ที่ 7 ในฐานะตัวแทนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 จึงไม่มีอำนาจมอบให้โจทก์ที่ 10 ฟ้องคดีล้มละลายได้ โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้อุทธรณ์ คดีระหว่างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 กับจำเลยเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยจำเลยผู้สั่งจ่ายนำไปแลกเงินสด เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คหลายครั้ง จำเลยเพิกเฉย แจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดและเข้าหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๗ดำเนินคดีแทน โจทก์ที่ ๗ ในฐานะตัวแทนโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ และในฐานะส่วนตัวและโจทก์ที่ ๘ ที่ ๙ มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๑๐ ดำเนินคดีแทน โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๗ เป็นผู้ทรงเช็คจำนวน๑๗ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๓,๖๓๖,๓๗๕ บาท ซึ่งจำเลยสั่งจ่ายแลกเงินสดไปโจทก์ที่ ๘ เป็นผู้ทรงเช็ค ๒ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยสั่งจ่ายชำระหนี้ให้โจทก์ที่ ๑๐ แล้วโจทก์ที่ ๑๐ นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ที่ ๘ โจทก์ที่ ๙ เป็นผู้ทรงเช็ค ๑ฉบับ จำนวนเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยสั่งจ่ายชำระหนี้โจทก์ที่ ๑๐ แล้วโจทก์ที่ ๑๐ นำมาชำระหนี้โจทก์ที่ ๙ และโจทก์ที่๑๐ เป็นผู้ทรงเช็ค ๑ ฉบับ ซึ่งจำเลยสั่งจ่ายแลกเงินสดไปธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทุกฉบับ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์รวมทุกคนแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๕๘๖,๓๗๕ บาท โจทก์ที่ ๑ถึงที่ ๑๐ ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉยอ้างว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ในขณะนี้ จำเลยยังเป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่นอีกหลายรายเป็นเงินกว่า ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๗ ดำเนินคดีแทน โจทก์ที่ ๗ ไม่มีอำนาจตั้งโจทก์ที่ ๑๐ เป็นตัวแทนในการดำเนินคดี คำฟ้องของโจทก์มิได้แสดงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายโดยชัดเจนคือมิได้บรรยายว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยออกเพื่อค้ำประกันหนี้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้ชำระหนี้แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์ที่ ๑ที่ ๒ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๗ เด็ดขาด ปรากฏตามคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ๔๑/๒๕๒๘ และคดีนี้ศาลอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนโจทก์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายณรงค์ศักดิ์ตั้งวงศ์กิจศิริ จำเลยเด็ดขาด ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ และที่ ๑๐ โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลย สำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๗ ฟ้องคดีนี้ โจทก์ที่ ๗ จึงไม่อาจมอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๑๐ ฟ้องคดีได้ และโจทก์ที่ ๗ที่ ๘ ที่ ๙ ก็ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๑๐ ฟ้องคดีนั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๗ ฟ้องคดีล้มละลาย โจทก์ที่ ๗ ในฐานะตัวแทนโจทก์ที่ ๑ถึงที่ ๖ จึงไม่มีอำนาจมอบให้โจทก์ที่ ๑๐ ฟ้องคดีล้มละลายได้ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ มิได้อุทธรณ์ คดีระหว่างโจทก์ที่ ๑ถึงที่ ๖ กับจำเลยเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่จำต้องวินิจฉัยอำนาจฟ้องของโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๖ อีก ส่วนโจทก์ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ จะมอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๑๐ ฟ้องคดีนี้หรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ มาพร้อมคำฟ้อง และโจทก์ที่ ๑๐ เบิกความยืนยันว่า ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ให้ฟ้องคดีนี้ได้ โดยได้อ้างส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจต่อศาลด้วยจำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นสืบพยานจำเลยโดยจำเลยเพียงแต่อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความลอย ๆ ว่าลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของโจทก์ที่ ๗ที่ ๘ ที่ ๙ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ มอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๑๐ ฟ้องคดีนี้
ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะฟ้องมิได้แสดงว่าโจทก์มีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทอย่างไร ทั้งไม่แสดงหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างไรหรือไม่นั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายชัดเจนแล้วว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยจำเลยผู้สั่งจ่ายนำมาแลกเงินสดไป รวมเป็นเงินตามเช็ค ๔,๕๘๖,๓๗๕ บาท ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดอันเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนและเมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็ค โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย แจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ อันเข้าหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน.

Share