คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารสัญญากู้ มีข้อความชัดแล้วว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงและจำเลยได้ลงลายมือชื่อให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยจะขอสืบพยานว่าความจริงเป็นเงินลงหุ้นส่วนกัน มิใช่เงินกู้ เป็นการสืบเพิ่มเติมแก้ไขห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 ได้มุ่งหมายห้ามเฉพาะแต่ฝ่ายผู้อ้างเอกสารเท่านั้นที่จะสืบเพิ่มเติมแก้ไข แม้ฝ่ายที่ไม่ได้นำหรืออ้างเอกสารมา ก็อยู่ในบทบังคับแห่งมาตรานี้ดุจกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามสัญญา ซึ่งจำเลยทั้ง ๓ ได้ทำร่วมกัน กู้ยืมเงินจากโจทก์ไปเป็นจำนวนเงิน ๖๕๐๐ บาท สัญญาจะชำระภายใน ๒ เดือน ถึงกำหนดทวงถามแล้ว จำเลยไม่ยอมชำระ จึงขอให้จำเลยใช้ทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ ไม่ต่อสู้คดี รับตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑-๓ ต่อสู้ว่า เป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนทำฟืนกัน โจทก์จ่ายข้าวและยาสูบแทนเงินคิดเป็นราคา ๖๕๐๐ บาท ดังนี้ซึ่งโจทก์ได้ขอให้จำเลยทำหลักฐานไว้ในสมุดบัญชีของโจทก์ต้อง โจทก์ส่งต้นสัญญากู้ตามสำเนาท้ายฟ้อง ๑ ฉบับ จำเลยทั้งสามแถลงรับว่าเป็นเอกสารที่ทำไว้กับโจทก์จริง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน และพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑-๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามเอกสารรายนี้มีข้อความชัดแล้วว่าจำเลยทั้งสามได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง และได้ลงลายมือชื่อให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยที่ ๑-๓ จะขอสืบพยานตามที่ให้การต่อสู้มานั้น จึงเป็นการสืบเพิ่มเติมแก้ไข ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๙๔ ดังศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้วและโดยบทบัญญัติแห่งมาตรานี้ หาได้มุ่งหมายห้ามเฉพาะแต่ฝ่ายผู้อ้างเอกสารเท่านั้น ที่จะสืบเพิ่มเติมแก้ไขดั่งจำเลยฎีกาไม่ แม้ฝ่ายที่ไม่ได้นำหรืออ้างเอกสารมา ก็อยู่ในบทบังคับแห่งมาตรานี้ดุจกัน
จึงพิพากษายืน

Share