คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภารโรงในกองยานพาหนะได้ปลอมใบเบิกเงินค่าแรงของคนงานในกองยานพาหนะ โดยปลอมชื่อคนงานและปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่กองยานพาหนะที่จะต้องลงชื่อในใบสำคัญนั้น แล้วเอาไปแสดงต่อแผนกบัญชีเพื่อขอรับเงิน เจ้าหน้าที่แผนกบัญชีไม่ได้ตรวจสอบดูความถูกต้อง กลับเสนอหัวหน้าแผนกลงชื่อแล้วส่งไปแผนกเงินเพื่อจ่ายเงิน แผนกเงินได้จ่ายเงินโดยผิดระเบียบ กล่าวคือ ไม่ได้จ่ายให้แก่คนงานเป็นรายคนไป กลับจ่ายให้แก่ภารโรงผู้นั้นทั้งหมด แล้วส่งใบสำคัญคือแผนกบัญชี แผนกบัญชีได้คัดบัญชีใบสำคัญที่จ่ายเงินไปแล้วส่งไปกองยานพาหนะซึ่งจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับรองความถูกต้อง การทุจริตรายนี้สำเร็จลงได้ เพราะการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีและแผนกเงิน การทุจริตสำเร็จไปก่อนที่จำเลยจะรับรองความถูกต้องของใบสำคัญนั้น เพราะฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องจากการทุจริตหรือกระทำการโดยบกพร่องประการใดก็ตาม ก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินได้ เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว ความเสียหายที่โจทก์ได้รับหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของตน ทำให้นายจงกลกับพวกได้โอกาสทุจริตเบิกเงินของโจทก์ไป จึงขอให้จำเลยชดใช้
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุที่จะเกิดคดีนี้ขึ้นก็โดยนายจงกล ภารโรงในกองยานพาหนะกับพวก ได้ทุจริตปลอมใบสำคัญเบิกเงินค่าแรงงานโดยปลอมชื่อและลายมือชื่อคนงานซึ่งมิได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนคนงานของโจทก์ และปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่กองควบคุมยานพาหนะที่จะต้องลงนามในเอกสารดังกล่าวทุกแห่ง แล้วนำใบสำคัญดังกล่าวไปยื่นต่อแผนกบัญชี หัวหน้าแผนกบัญชีได้ลงชื่อประทับตรารับรองว่าควรจ่ายเงินตามใบสำคัญนั้นได้ แล้วส่งใบสำคัญนั้นไปยังแผนกเงินเพื่อทำการจ่าย เจ้าหน้าที่การเงินได้จ่ายเงินให้นายจงกลรับไป หลังจากที่แผนกเงินจ่ายเงินไปแล้ว ได้ส่งใบสำคัญกลับคืนแผนกบัญชีจึงได้คัดบัญชีที่จ่ายเงินไปแล้วตามใบสำคัญส่งไปยังแผนกควบคุม กองยานพาหนะซึ่งจำเลยที่ ๒, ๓ เป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ยืนยันความถูกต้องในการนี้จำเลยที่ ๒ ได้ทำบัญชีแยกประเภทงานของแผนกประจำเดือน ช.ป. ๒๙ (ตามเอกสารหมาย จ.๑๔ ถึง จ.๑๙) เสนอให้จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกควบคุมลงนามรับรองความถูกต้องร่วมกับจำเลยที่ ๒ แล้วแจ้งกลับไปยังแผนกบัญชีกองคลังตามระเบียบ ต่อมาทางราชการทราบการทุจริตรายนี้ จึงได้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงกับนายจงกลและได้ฟ้องจำเลย คดีนี้ให้รับผิดฐานละเมิดร่วมกับนายจงกล
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามระเบียบเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีจะต้องตรวจสอบรายชื่อคนงานที่ปรากฏในใบสำคัญเบิกค่าแรงนั้น กับทะเบียนรายชื่อคนงานที่กรมอนุมัติให้จ้างไว้เสียก่อน เมื่อตรวจสอบถูกต้องแล้วจึงเสนอหัวหน้าแผนกบัญชีลงชื่อ ประทับตรารับรองถูกต้องให้จ่ายเงินตามใบสำคัญนั้นได้ การทุจริตรายนี้หากเจ้าพนักงานแผนกบัญชีได้ตรวจสอบรายชื่อคนงานก็จะทราบได้ทันทีว่าใบสำคัญ ขอเบิกค่าแรงตามเอกสารหมาย จ.๑ – จ.๑๓ นั้น เป็นเอกสารปลอมและถ้าหากหัวหน้าแผนกบัญชีไม่ลงชื่อ แผนกเงินก็จ่ายเงินดังกล่าวไม่ได้ เหตุสำคัญที่ทำให้การฉ้อโกงของนายจงกลสำเร็จลุล่วงไปอยู่ที่การกระทำของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีของโจทก์นี้เอง นอกจากนี้ปรากฏว่าเมื่อหัวหน้าแผนกบัญชีรับรองใบสำคัญให้จ่ายเงินได้แล้ว ในตอนที่จะจ่ายเงินถ้าหากแผนกเงินจ่ายเงินตามระเบียบคือจ่ายเงินให้แก่คนงานต่อหน้าผู้นำรับเงินและถามชื่อสกุล เลขประจำตัว ตลอดจนอัตราค่าแรงของคนงานผู้รับเงินเสียก่อน แล้วจึงจ่ายไป การทุจริตรายนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จไปได้เลย ศาลฎีกาจึงเห็นว่า เพราะการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ แผนกบัญชีและแผนกเงินกองคลังนี้เป็นผลโดยตรงให้การทุจริตฐานฉ้อโกงของนายจงกลสำเร็จผล หาใช่เนื่องจากการกระทำของจำเลยตามฟ้องโจทก์ไม่ การที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทำบัญชีแยกประเภทงานของแผนกประจำเดือนตามแบบ ช.ป. ๒๙ (เอกสาร จ. ๑๔ ถึง จ. ๑๙) ส่งไปยังแผนกบัญชีกองคลังทุกเดือน ตามระเบียบของโจทก์ซึ่งมีความประสงค์จะทราบจำนวนเงินรายจ่ายและคงเหลืออยู่ และการที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ลงชื่อในเอกสาร จ.๓๓ ถึง จ. ๓๘ คืนไปยังแผนกบัญชีเพื่อรับรองว่าเงินที่จ่ายไปนั้นไม่เกินงบประมาณที่มีอยู่นั้น เป็นการกระทำภายหลังเหตุที่นายจงกลได้กระทำการฉ้อโกงเงินจากกองคลังสำเร็จผลไปแล้ว ถึงแม้จำเลยจะตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องมาจากการทุจริต หรือจำเลยกระทำการโดยบกพร่องประการใดก็ตาม ก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินกองคลังได้ เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว ความเสียหายที่โจทก์ได้รับหาใช่ผลโดยตรงมาจากการกระทำของจำเลยไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share