แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเดิมระบุมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเพียงมาตรา 314 ครั้น ศาลตรวจฟ้องมีคำสั่งให้ยกฟ้องเสียโจทก์อุทธรณ์ และได้มีการบังอาจเดิมมาตรา 304 ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยู่ในความดูแลรักษาของศาล ศาลเรียกทนายโ่จทก์และผู้เขียนฟ้อง เดิมมาสอบถาม คนทั้ง 2 ยังยืนยันแถลงเท็จต่อศาลว่ามีมาตรา 304 ในฟ้องเดิมก่อนแล้ว โดยไม่มีความเคราพยำเกรง-ศาล ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาล ดังนี้ ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงตอ่หน้าศาล ก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนวจศาลได้.
ย่อยาว
คดีนี้ ในศาลขั้นต้นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ จำเลยตามก.ม. ลักษณะอาญาระบุโทษเพียงมาตรา ๓๑๔ มาตราเดียว ศาลขั้นต้น ศาลขั้นต้นตรวจสั่งฟ้องว่า จำเลยไม่ได้รับมอบทรัพย์รายนี้ คดีไม่เป็นยักยอกตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง จึงให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์. ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธณ์และได้ตรวจพบว่าในคำขอท้ายฟ้องเดิม เห็นมีขอให้ลงโทษระบุมาตรา ๓๐๔ เพิ่มต่อจากมาตรา ๓๑๔ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าเพิ่งมีการเดิมขึ้นภายหลังที่ศาลสั่งไม่รับฟ้องนั้นแล้ว จึงได้เรียกทนายโจทก์และผู้เจียนมาสอบถาม คนทั้งสองยืนยันว่ามาตรา ๓๐๔ ในฟ้องแต่เดิมแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่คนทั้งสองยืนยันเช่นนั้นเป็นการแจ้งความเท็จแถลงเท็จต่อศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๓๑.๓๓ ให้จำคุกนายสาครทนายและนายแถลงผู้เขียน คนละหนึ่งเดือน ส่วนมาตรา ๓๐๔ ที่ปรากฎในคำขอท้ายฟ้องนั้น ต้องถิอว่าไม่มีมาแต่เดิม.
นายสาครและนายแถลงอุทธรณ์เรื่องละเมิดอำนาจศาล ส่วนคดีเดิมโจทก์ถอนอุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นปล่อยผู้อุทธรณ์ไป.
พนักงานอัยการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.อัยการ ๒๔๗๖ มาตรา ๑๙(๖) ฎีกา.
ศาลฏีกาเห็นว่า ได้มีการบังอาจเติมมาตรา ๓๐๔ ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยุ่ในความดูแลรักษาของศาลในเวลาอันใกล้กับเวลาที่ศาลสั่งไม่รับฟ้องและศาลตรวจพบในเวลากระชั้นชิด ทั้ง ๒ คนนี้แถลงเท็จยืนยันอีกโดยไม่มีความเคารพยำเกรงศาล ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาล ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบรเวรณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงต่อหน้าศาล ก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลใด.
จึงพิพากษากลับ ให้บังคับดดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น