คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อุทธรณ์ที่มีเนื้อหาสาระเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว ก็เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)ศาลฎีกาพิจารณาข้อฎีกาต่อไปไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 และเป็นผู้ขับรถบรรทุกของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างขณะที่เกิดเหตุด้วยความประมาทเป็นเหตุให้พุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อที่โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยได้รับความเสียหายโจทก์ได้เสียค่าซ่อมไปเป็นเงิน 15,000 บาทจึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 15,000 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
ต่อมาโจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 2 ให้การว่าเหตุที่เกิดรถชนกันขึ้นเพราะความประมาทของคนขับรถบรรทุกสิบล้อซึ่งโจทก์เป็นผู้รับประกันภัย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณาคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.1, จ.2 และ ล.1 และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวโดยคู่ความต่างไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าเหตุที่รถชนกันดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาท คู่ความต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 3 ได้ความว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.1, จ.2 และ ล.1 ว่ารถของจำเลยที่ 2 ขับมาด้วยความเร็วก่อนถึงสี่แยกที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตรได้แซงรบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 80-2461 บุรีรัมย์แล้วเลี้ยวขวาตรงทางแยกโดยไม่ให้สัญญาณ ส่วนรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 80-2461บุรีรัมย์ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ก็ขับมาด้วยความเร็วและกำลังจะแซงรถของจำเลยที่ 2 ทางด้านขวาได้หักรถหลบรถของจำเลยที่ 2 ที่กำลังจะเลี้ยวขวาแต่หลบไม่พ้น จึงชนรถของจำเลยที่ 2 ที่ประตูรถด้านขวา รถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน80-2461 บุรีรัมย์เสียหลัก (แล่นชนลวดสลิงเสาไฟฟ้าขาด) คว่ำลงข้างถนนแล้วรถของจำเลยที่ 2 ได้แล่นไปชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 80-2461 บุรีรัมย์ซึ่งคว่ำอยู่ก่อนแล้วเหตุที่รถชนกันดังกล่าวเกิดจากความประมาทของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
โจทก์อุทธรณ์ 2 ข้อโดยอุทธรณ์ในข้อ 2 (ก) เป็นใจความว่าตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีคนขับรถของจำเลยที่ 2 ยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับในข้อหาขับรถโดยประมาทชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 80-2461 บุรีรัมย์ซึ่งโจทก์ผู้รับประกันภัยไว้เสียหาย ส่วนคนขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยนั้นพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับในข้อหาขับรถโดยประมาทชนเสาไฟฟ้าเสียหายศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังข้อเท็จจริงตามที่คนขับรถของจำเลยที่ 2 ยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ไม่ชอบที่จะวินิจฉัยว่าคนขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยขับรถโดยประมาทชนรถของจำเลยที่ 2 เสียหายและอุทธรณ์ในข้อ 2 (ข) ว่าตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีจำเลยที่ 2 เสนอจะชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของรถคันที่โจทก์รับประกันภัย แสดงว่าจำเลยที่ 2 รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายประมาท แต่ศาลชั้นต้นไม่หยิบยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่รถทั้งสองคันเกิดชนกันขึ้นอย่างไรนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีแต่อุทธรณ์โต้แย้งข้อที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับคนขับรถทั้งสองฝ่ายและไม่หยิบยกเรื่องที่จำเลยที่ 2 ต่อราคาค่าเสียหายขึ้นวินิจฉัยว่ารถของจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายประมาท ซึ่งล้วนแต่มีเนื้อหาสาระเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองข้อจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2 (ข) นั้นชอบแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2 (ก) นั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 242 (1) เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ศาลฎีกาก็พิจารณาข้อฎีกาของโจทก์ต่อไปไม่ได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์.

Share