คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมเป็นเพียงเงินค่าบริการที่ผู้เสียหายควรจะได้มาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345พนักงานอัยการจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวแทนผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าพักอยู่ในโรงแรมสหมิตร ๑ ห้อง อัตราคืนละ๒๕ บาท โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระค่าอยู่ในโรงแรมนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๕ และให้ใช้ค่าอยู่ในโรงแรม ๒๕ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๕ วางโทษจำคุก ๒ เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ให้จำคุก ๑ เดือน แต่จำเลยไม่ได้เอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ค่าอยู่ในโรงแรมแก่ผู้เสียหาย ให้ยกคำขอนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีความผิดดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๓ นั้น จะต้องได้ความว่า ผู้เสียหายในคดีนั้น ๆ ได้สูญเสียทรัพย์สินหรือราคาไปเนื่องจากการกระทำผิดในคดีต่าง ๆนั้นแล้ว ผู้เสียหายจึงจะมีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินหรือราคาคืนมา แต่การกระทำผิดในคดีนี้เป็นเพียงผู้เสียหายให้บริการแก่ผู้เข้าพักอาศัยในโรงแรมซึ่งผู้พักจะต้องให้ค่าเข้าอยู่ในห้องพักเป็นค่าตอบแทน เมื่อจำเลยไม่มีเงินจะให้ ก็ทำให้ขาดเงินค่าบริการที่ควรจะได้มาเท่านั้น เงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมจึงไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๔๓ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกเงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมจำนวน ๒๕ บาทตามฟ้องแทนผู้เสียหาย
พิพากษายืน

Share