คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ โดยนำค่าซากรถไปหักจากค่าซ่อมรถแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระในส่วนที่เหลือ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาโดยให้นำค่าซากรถไปหักออกจากราคารถมิได้เพราะเป็นการแก้ไขจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์จะพึงเรียกได้มิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันไว้เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๙๙,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๑,๕๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ถูกชนต้องเสียค่าซ่อม ๑๑๐,๐๐๐ บาทเศษ โจทก์ขายซากรถเป็นเงิน ๘๘,๕๐๐ บาท โจทก์จ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยเป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท จำเลยต้องรับผิดในมูลละเมิดต่อโจทก์เป็นเงิน ๙๑,๕๐๐ บาท แต่ศาลคำนวณผิดพลาดโดยเอาค่าขายซากรถไปหักจากค่าซ่อมเหลือเท่ากับ ๒๑,๕๐๐ บาท ขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยโดยให้จำเลยรับผิดเป็นเงิน ๙๑,๕๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีมิใช่เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ซึ่งโจทก์ไม่พอใจคำพิพากษาก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ว่าศาลชั้นต้นจะนำค่าซากรถมาหักจากค่าซ่อมได้หรือไม่ เป็นประเด็นในเรื่องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์จะพึงเรียกได้ มิใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๓ ซึ่งศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีจะแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
พิพากษายืน.

Share