คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2193/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลย เนื่องจากราคาที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าววรรคสุดท้าย ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย คำพิพากษานั้นย่อมเป็นที่สุด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจกท์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๑๓๕ และ ๒๑๕๐ ตำบลคูขุด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์ดำเนินการบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว และดำเนินการขายทอดตลาดรวม ๗ ครั้ง โดยครั้งที่ ๗ ผู้ซื้อเสนอราคาสูงสุดจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท สำหรับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ ๒๑๓๕ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงให้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวแก่ผู้ซื้อในราคา ๑๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยยื่นคำร้องว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีราคาไม่น้อยกว่า ๓๐๐,๐๐๐ บาท เพราะราคาที่แท้จริงไร่ละไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยคัดค้านแต่เพียงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยในราคาต่ำไปเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ได้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยเนื่องจากราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงเป็นกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคสอง ซึ่งคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ย่อมเป็นที่สุดตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าววรรคสุดท้าย จำเลยไม่อาจฎีกาคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ ต่อไปได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยมาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย คืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share