แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องถึงสภาพความเสียหายของรถโจทก์ว่าได้เกิดชนกับรถยนต์บรรทุกน้ำมันจนพลิกคว่ำตกจากถนนลงไปในคูน้ำข้างทางด้วยกันทั้งคู่ โจทก์ต้องเสียค่าจ้างยกรถขึ้นจากคู ค่าลากรถไปเข้าอู่ซ่อม และค่าซ่อมไปเป็นเงินเท่าใด ในแต่ละรายการพอที่วิญญูชนจะเข้าใจได้ถึงสภาพแห่งความเสียหายโดยแจ้งชัดพอสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ส่วนรายละเอียดแห่งการซ่อม การเปลี่ยนแปลงอะไหล่ชิ้นส่วนใดบ้างนั้น เป็นเรื่องที่จะนำสืบให้ปรากฏในชั้นพิจารณา หาจำต้องบรรยายรายละเอียดมาในฟ้องทั้งหมดไม่
จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของโจทก์ คนขับรถของโจทก์ขับชนกับรถอื่นความรับผิดของโจทก์ที่มีต่อเจ้าของรถที่ถูกชนนั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันละเมิดสัญญาประกันภัยค้ำจุนดังกล่าวก็คลุมถึงค่าทดแทนแก่บุคคลภายนอกอันเกิดจากการใช้รถที่เอาประกันอยู่แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดในค่าทดแทนเท่าที่โจทก์ยังไม่ได้ใช้ค่าเสียหายแก่รถอีกคันหนึ่งนั้น
ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497มาตรา 34 อาจเป็นผู้ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการขนส่งก็ได้ หาจำเป็นจะต้องได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ประเภทสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มาก่อนแล้วแต่เพียงประการเดียวไม่เมื่อคนขับรถของโจทก์มีใบอนุญาตขับรถของกรมการขนส่ง แม้ใบอนุญาตของกรมตำรวจถูกยึดไปก็ไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ยกเว้นความรับผิดในกรณีที่คนขับรถของโจทก์ไม่มีใบอนุญาตขับรถ
คนขับรถของโจทก์ประมาทฝ่าฝืนกฎจราจรจึงเกิดเหตุขึ้น เป็นข้อที่จำเลยต้องรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์นั้นเอง จึงไม่เป็นเหตุยกเงินความรับผิดเพราะฝ่าฝืนกฎจราจร.
ย่อยาว
โจทก์ผู้ขับขี่ดังระบุไว้ในเงื่อนไขว่าด้วยข้อยกเว้นทั่วไปข้อ ๒ นั้นเอง ฉะนั้นจำเลยจะปฏิเสธความรับผิดเพราะเหตุแห่งความประมาทดังกล่าวหาได้ไม่
พิพากษายืน.