แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารขนาดเล็กไปจอดท้ายรถจี๊ปของผู้เสียหาย เห็นมีถังน้ำมันอยู่ท้ายรถ จำเลยกับพวกจึงร่วมกันลักถังน้ำมันจากท้ายรถจี๊ปดังกล่าวนำมาไว้ที่รถจำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาเอาทรัพย์ไป ต้องด้วยเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2521)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักเอาถังน้ำมันแบบจี๊ป ๑ ถัง ภายในบรรจุน้ำมันเบนซิน ๒๐ ลิตร ราคา ๑๒๐ บาท ของจ่าสิบตำรวจโรจน์ สุขใส ไปโดยทุจริต และโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาทรัพย์ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๑๔) ข้อ ๑๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๓ จำคุก ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยร่วมกับนายถาวรลักถังน้ำมัน ซึ่งบรรจุน้ำมันของผู้เสียหาย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พฤติการณ์ที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารขนาดเล็กไปจอดท้ายรถจี๊ปผู้เสียหาย ซึ่งมีถังน้ำมันอยู่ท้ายรถ และร่วมกับพวกลักถังน้ำมันจากท้ายรถจี๊ปผู้เสียหายนำมาไว้ที่รถจำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาเอาทรัพย์ไป ต้องด้วยเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖ ทวิ
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
