แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ยื่นบัญชีระบุพยานเอกสารแต่เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่แสดงว่า ท. เป็นเจ้าของผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันเกิดเหตุทั้งเป็นเอกสารสำคัญศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)และแม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่จำเลยที่2และที่3ตามกฎหมายแต่เมื่อพยานเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพื่อใช้ประกอบดุลพินิจที่จะฟังว่าโจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเข้า รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้รับประกันภัย รถยนต์โดยสารประจำทาง สาย 18 หมายเลข ทะเบียน 11-4364 กรุงเทพมหานครจาก นาง ทิพวรรณ จำเลย ที่ 1 เป็น ผู้ขับ รถยนต์บรรทุก คัน หมายเลข ทะเบียน 84-6275 กรุงเทพมหานคร และ เป็น ลูกจ้าง ของ จำเลย ที่ 2และ ที่ 3 ซึ่ง ร่วมกัน เป็น เจ้าของ ผู้ครอบครอง และ ใช้ รถยนต์บรรทุก คันดังกล่าว ใน ขณะ เกิดเหตุ จำเลย ที่ 1 ได้ ขับ รถยนต์บรรทุก คัน ดังกล่าวข้างต้น มา ใน ทางการที่จ้าง ของ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ด้วย ความประมาทอัตรา ความ เร็ว เกินกว่า ที่ กฎหมาย กำหนด ตัด หน้า รถยนต์โดยสารคัน ที่ โจทก์ รับประกัน ภัย ใน ระยะ กระชั้นชิด เป็นเหตุ ให้ รถยนต์โดยสารคัน ที่ โจทก์ รับประกัน ภัย พุ่ง เข้า ชน ท้ายรถ ยนต์บรรทุก คัน ที่ จำเลย ที่ 1ขับ รถยนต์โดยสาร คัน ที่ โจทก์ รับประกัน ภัย ได้รับ ความเสียหายโจทก์ ใน ฐานะ ผู้รับประกันภัย ได้ ดำเนินการ ซ่อมแซม รถ คัน ดังกล่าวเสีย ค่าซ่อม ค่าแรง พร้อม อะไหล่ เป็น เงิน ทั้งสิ้น 29,500 บาทโจทก์ จึง รับช่วงสิทธิ จาก ผู้เอาประกันภัย มา ฟ้อง จำเลย ทั้ง สามก่อน ฟ้องโจทก์ ได้ ทวงถาม แล้ว แต่ จำเลย ทั้ง สาม เพิกเฉย ขอให้ บังคับจำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน ชำระ เงิน 31,428 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ของ ต้นเงิน29,500 บาท นับแต่ วันฟ้อง
จำเลย ที่ 1 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ให้การ ว่า โจทก์ มิได้ รับประกัน ภัยรถยนต์โดยสาร คัน หมายเลข ทะเบียน 11-4364 กรุงเทพมหานคร ไว้ จากผู้มีส่วนได้เสีย ขณะ เอา ประกันภัย และ ขณะ เกิดเหตุ โจทก์ จึง ไม่มีหน้าที่ ต้อง ชำระ ค่าสินไหมทดแทน จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 มิได้ เป็นเจ้าของ หรือ ผู้ครอบครอง ใช้ ประโยชน์ รถยนต์บรรทุก คัน หมายเลข ทะเบียน84-6275 กรุงเทพมหานคร อีก ทั้ง จำเลย ที่ 1 มิได้ เป็น ลูกจ้าง ของจำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 แต่อย่างใด เหตุ คดี นี้ เกิดจาก ความประมาท ของนาย สมศักดิ์ ผู้ขับ รถยนต์โดยสาร ที่ โจทก์ อ้างว่า รับประกัน ภัย ไว้ แต่เพียง ฝ่ายเดียว รถยนต์ ที่ โจทก์ อ้างว่า รับประกัน ภัย ไว้ เสียหายเล็กน้อย ไม่เกิน 10,000 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน31,428 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ของ ต้นเงิน 29,500 บาท นับ ถัด จากวันฟ้อง
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ศาลชั้นต้น ไม่อนุญาต ให้ โจทก์ ยื่น บัญชี ระบุพยานเอกสาร เอกสาร ดังกล่าว จึง มิใช่ พยานหลักฐาน ใน คดี ไม่อาจ นำ มารับฟัง ได้ นั้น เห็นว่า แม้ โจทก์ จะ ไม่ได้ รับ อนุญาต ให้ ยื่น บัญชี ระบุพยานเอกสาร แต่ เอกสาร ดังกล่าว เป็น เอกสาร ที่ แสดง ว่า นาง ทิพวรรณ เป็น เจ้าของ ผู้มีส่วนได้เสีย ใน รถยนต์ คัน เกิดเหตุ ทั้ง เป็น เอกสารสำคัญ ศาลอุทธรณ์ ย่อม มีอำนาจ รับฟัง เอกสาร ดังกล่าว เป็น พยานหลักฐานได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
ส่วน ที่ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ฎีกา ว่า โจทก์ มิได้ ส่ง สำเนาเอกสาร ให้ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ล่วงหน้า ก่อน สืบพยาน ตาม กฎหมายจึง ต้องห้าม รับฟัง นั้น จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ได้ อุทธรณ์ ปัญญา ข้อ นี้ต่อ ศาลอุทธรณ์ แล้ว แต่ ศาลอุทธรณ์ มิได้ หยิบยก ขึ้น วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควร ยกขึ้น วินิจฉัย โดย ไม่ต้อง ย้อนสำนวน ไป ให้ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยเห็นว่า แม้ โจทก์ จะ ไม่ได้ ส่ง สำเนา เอกสาร ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3ตาม กฎหมาย ก็ ตาม แต่เมื่อ พยานเอกสาร ดังกล่าว เป็น พยานหลักฐาน อัน สำคัญซึ่ง เกี่ยวกับ ประเด็น ข้อสำคัญ ใน คดี เพื่อ ใช้ ประกอบ ดุลพินิจ ที่ จะฟัง ว่า โจทก์ ใช้ ค่าสินไหมทดแทน แล้ว เข้า รับช่วงสิทธิ ของ ผู้ เอาประกันภัย แล้ว เพื่อ ประโยชน์ แห่ง ความยุติธรรม ชอบ ที่ ศาลชั้นต้น จะรับฟัง พยานหลักฐาน เช่นว่า นั้น ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
พิพากษายืน