คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดาฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัวเท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วย และโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกเช่นนี้ บันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดินเมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นเว้นแต่ที่ดิน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน หลังจากบิดามารดาตายแล้วโจทก์จำเลยได้รับแบ่งมรดกคนละเท่า ๆ กัน โดยปกครองร่วมกันมาแล้วโจทก์มีสามีและย้ายออกจากบ้านเดิม จำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกไว้แทนโจทก์ ต่อมาโจทก์ทวงถามให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ส่วนของโจทก์ จำเลยส่งมอบโคให้โจทก์เพียง 3 ตัว และไม่ส่งมอบทรัพย์มรดกอื่น ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบทรัพย์มรดกกึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์มิฉะนั้นให้ส่งมอบเงินจำนวน 95,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ทรัพย์มรดกมีเพียงโค 7 ตัว ส่วนที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่ไม่ใช่ทรัพย์มรดก คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…สำหรับปัญหาต่อไปที่ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของบิดามารดาเท่าใดนั้น ปรากฏตามบันทึกลงวันที่ 15พฤศจิกายน 2526 เอกสารหมาย ล.4 ว่าโจทก์จำเลยได้เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดาโดยฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัวเท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วย โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในเอกสารดังกล่าวและมีพี่น้องโจทก์จำเลยกับบุคคลอื่นลงชื่อเป็นพยานหลายคนเช่นนี้ฟังได้ว่าเอกสารฉบับนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดินเพราะปรากฏตามเอกสารนี้ว่าโจทก์มิได้เรียกร้องทรัพย์สินอื่นอีกนอกจากที่ดินดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัว ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นจากจำเลยได้เว้นแต่ที่ดินซึ่งเดิมเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาและบ้านซึ่งเป็นส่วนควบ…ดังนั้นจึงเห็นสมควรแบ่งที่ดินมรดกทั้งสามแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแปลงที่ 3 ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นเงินรวม 50,000บาท…”
พิพากษากลับว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่บ้านช่อผกาตำบลชำนิ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหนองเทา ตำบลชำนิ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ และที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหนองเทา ตำบลชำนิ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ประมาณ10 ไร่ พร้อมบ้านไม้ชั้นเดียวหนึ่งหลังให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หากจำเลยไม่สามารถแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้โจทก์ได้ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000 บาท แก่โจทก์แทนพร้อมดอกเบี้ยจากต้นเงินจำนวนดังกล่าวในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share