แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย” ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลก เปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้เพื่อขายจำนวน 5 เม็ดและจำเลยขายไป 4 เม็ดยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลยอีก 1 เม็ดแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 5 เม็ดดังกล่าว จึงเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวคือการขายนั่นเอง หาใช่เป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกระทงหนึ่งไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์จำนวน 5 เม็ด น้ำหนัก 1.15 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วจำเลยขายให้แก่ผู้ซื้อจำนวน 4 เม็ด เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ 1 เม็ด ที่จำเลยมีไว้และเหลือจากการขายธนบัตรฉบับละ 20 บาท จำนวน 1 ฉบับ ฉบับละ 10 บาท จำนวน4 ฉบับ ที่จำเลยได้จากการขายวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวเป็นเจ้าของขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 89, 116 ริบแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ของกลางและคืนธนบัตรของกลางที่ใช้ทำการล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ประกอบด้วยมาตรา 89 รวม 2 กระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกจำเลยกระทงละ 5 ปีรวมจำคุก 10 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข คืนธนบัตรของกลางให้แก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อ 6 (ข) ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน พิเคราะห์แล้วพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ได้บัญญัติห้ามเฉพาะการผลิตขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2เท่านั้นว่ามีความผิดและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 และในมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย” ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขายฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้เพื่อขายจำนวน 5 เม็ด และจำเลยได้ขายแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ดังกล่าวให้แก่สิบตำรวจโทนเรศไปจำนวน4 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 1 เม็ด แอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 4 เม็ดที่จำเลยขายให้แก่สิบตำรวจโทนเรศกับเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นได้จากจำเลยอีก 1 เม็ด รวมทั้งสิ้นเป็น 5 เม็ด จึงเป็นแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวคือการขายนั่นเอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกระทงหนึ่งจึงไม่ถูกต้อง ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐายขายวัตถุออกฤทธิ์ชนิดแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13, 89 เพียงกระทงเดียว ให้จำคุก5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์