คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องตกลงซื้อที่ดินมีโฉนดแต่ยังมิได้ชำระราคาครบถ้วน แม้ผู้ขายจะได้มอบที่ดินให้ครอบครองก็ถือว่า เป็นการครอบครองแทนผู้ขาย กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของผู้ขายอยู่ยังมิได้ตกเป็นของผู้ร้อง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดที่ดินแปลงดังกล่าวขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย แล้วโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยยอมชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ ศาลพิพากษาตามยอม แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงิน โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดที่ดินโฉนดซึ่งมีชื่อนางม่วย ทองดอนพัวภรรยาจำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ต่อมา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางม่วยเป็นมารดาผู้ร้อง ได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้ผู้ร้องในราคา 26,785 บาท และผู้ร้องได้ชำระเงินไปแล้ว 15,000 บาท คงค้างชำระอีก 11,785 บาท จึงยังมิได้แก้ทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินตามกฎหมาย แต่นางม่วยได้มอบที่ดินให้ผู้ร้องครอบครองมาจนบัดนี้ ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด

ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องชำระราคายังไม่หมดและยังไม่ได้โอนโฉนดที่ดินกันผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องได้ตกลงซื้อที่ดินโฉนดที่โจทก์นำยึดจากนางม่วยภรรยาจำเลยไว้โดยยังมิได้ชำระราคาครบถ้วน แม้ผู้ขายจะได้มอบที่ดินให้ผู้ร้องครอบครองมากรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นก็ยังไม่ตกเป็นของผู้ร้อง กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังคงเป็นของผู้ขาย การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินมาถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ขาย ฉะนั้นโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดที่ดินแปลงนี้ขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์

พิพากษายืน

Share