คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พลุสดุดส่องแสงของกลางไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และไม่เป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเสียแล้ว ก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีพลุสดุดส่องแสง แบบ เอ็ม.49 เอ.1 ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4(2), 7, 72 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3(2)(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 91 และขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า พลุสุดุดส่องแสงของกลางไม่เป็นเครื่องกระสุนปืน และไม่เป็นอาวุธ จำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีและพกพาพลุสดุดส่องแสงซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนและอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จำเลยให้การรับสารภาพ และโจทก์ได้ยื่นรายงานการพิสูจน์ของกลางในคดีนี้ไว้ต่อศาลแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้ง จำเลยจึงควรมีความผิด

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4(2)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3 มิได้บัญญัติว่าเครื่องกระสุนปืนมีความหมายถึงพลุแต่ประการใดฉะนั้นพลุสดุดส่องแสงที่โจทก์ฟ้องจึงไม่นับว่าเป็นเครื่องกระสุนปืน ถึงแม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางที่โจทก์ได้ยื่นไว้ต่อศาล ผู้ชำนาญการพิเศษจะให้ความเห็นไว้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวว่า พลุสดุดส่องแสงจัดเป็นเครื่องกระสุนปืนมีใช้ในราชการทหารและตำรวจ แต่มิได้กำหนดไว้เป็นเครื่องกระสุนปืนที่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามก็ตาม ก็เป็นแต่เพียงความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษเท่านั้น เมื่อกฎหมายมิได้บัญญัติว่าพลุสดุดส่องแสงเป็นเครื่องกระสุนปืนแล้ว แม้จำเลยจะมีไว้ในความครอบครอง ก็หาเป็นความผิดตามฟ้องของโจทก์ไม่

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยบังอาจพกพาพลุสดุดส่องแสงของกลางเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นั้น ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายมาตรานี้ก็ต่อเมื่อผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใดเท่านั้น และคำว่า “อาวุธ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(5) ก็ได้บัญญัติว่าหมายความรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัส อย่างอาวุธ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพลุสดุดส่องแสงของกลางในคดีนี้เป็นเพียงสิ่งที่ใช้ให้แสงสว่างเท่านั้น มิได้เป็นอาวุธโดยสภาพ และมิได้มีการนำไปใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายผู้ใดถึงอันตรายสาหัสแต่อย่างใด ดังนั้นพลุสดุดส่องแสงของกลางจึงไม่นับว่าเป็นอาวุธ แม้จำเลยจะพกพาไป ณ ที่ใดก็ไม่เป็นความผิด ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเสียแล้ว ก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้

พิพากษายืน

Share