แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น จะต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริงที่ใส่ความนั้นต่อบุคคลที่สามและการใส่ความนั้นน่าจะทำให้ผู้อื่นที่ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ดังนั้น การที่จำเลยถาม ป. ว่ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์หรือไม่จึงเป็นเพียงการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้นมิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอันน่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังแต่ประการใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าววาจาต่อหน้าโจทก์ จึงไม่ใช่เป็นดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า จำเลยไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกล่าวใส่ความหมิ่นประมาทและดูหมิ่นโจทก์ต่อหน้านายประกอบว่า “พี่กอบ ได้ข่าวว่ามีอะไรกับติ๋มหรือเปล่า…” “ถ้ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาว ก็ขอให้เลิกเสีย มันไม่ดีเพราะติ๋มก็มีผัวอยู่แล้ว” ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 393, 91 ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าถ้อยคำที่จำเลยพูดกับนายประกอบ บุญมาก ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องนั้นจะเป็นหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าหรือไม่เห็นว่า การที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 นั้น จะต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริงที่ใส่ความนั้นต่อบุคคลที่สามและการใส่ความดังกล่าวนั้น น่าจะทำให้ผู้อื่นที่ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง แต่ปรากฏว่าจำเลยได้กล่าวต่อนายประกอบ บุญมาก ว่า “พี่กอบได้ข่าวว่ามีอะไรกับติ๋มหรือเปล่า (ติ๋มหมายถึงชื่อโจทก์) ถ้ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาวก็ขอให้เลิกเสียมันไม่ดี เพราะติ๋มก็มีผัวอยู่แล้ว” คำกล่าวของจำเลยดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยถามนายประกอบบุญมาก ว่า มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์หรือไม่ เป็นเพียงคาดคะเนของจำเลยเท่านั้นมิได้ยืนยันข้อเท็จจริงอันน่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่ประการใด ฉะนั้นการที่จำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าวตามที่โจทก์ฟ้องจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งตามฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าววาจาต่อหน้าโจทก์จึงไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ต้องกันมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน