แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 261 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “จำเลยหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้รับหมายยึด หมายอายัดหรือคำสั่งตามมาตรา 254 (1) (2) หรือ (3) หรือจะต้องเสียหายเพราะหมายยึด หมายอายัด หรือคำสั่งดังกล่าว อาจมีคำขอต่อศาลให้ถอนหมาย เพิกถอนคำสั่งหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่ง หมายยึด หรือหมายอายัด ซึ่งออกตามคำสั่งดังกล่าวได้ ” การที่ศาลชั้นต้นมีหมายห้ามชั่วคราวถึง ภ. จำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งเดิม หากโจทก์ทั้งยี่สิบสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เห็นว่าจะต้องเสียหายเพราะหมายห้ามชั่วคราวของศาลชั้นต้น และประสงค์จะขอให้ศาลเพิกถอนหมายห้ามชั่วคราวดังกล่าวก็ชอบที่จะใช้สิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งฯได้ในคดีแพ่งเดิม ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 261 วรรคหนึ่ง จะมาฟ้องให้เพิกถอนคำสั่ง ฯ เป็นคดีใหม่หาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ระหว่าง บริษัทโชคชัยทรัพย์ทวี จำกัด โจทก์ บริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัด กับพวก จำเลย ลงวันที่ 27 เมษายน 2541 ไม่มีผลบังคับต่อโจทก์ทั้งยี่สิบสอง ห้ามจำเลยทั้งแปดเข้าเกี่ยวข้องในตลาดปัฐวิกรณ์และให้เลิกกระทำการใด ๆ อันเป็นการข่มขู่คุกคาม หรือขัดขวางห้ามปรามโจทก์ทั้งยี่สิบสองเพื่อไม่ให้ค้าขายในตลาดปัฐวิกรณ์ตามปกติ ให้บังคับจำเลยทั้งแปดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายอัตราวันละ 10,000 บาท ต่อคนต่อวันให้แก่โจทก์ทั้งยี่สิบสอง นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะเลิกเกี่ยวข้องในตลาดปัฐวิกรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสองชอบที่จะใช้สิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งฯ ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 จึงไม่รับคำฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลจำนวน 300 บาท
โจทก์ทั้งยี่สิบสองอุทธรณ์
ต่อมาโจทก์ทั้งยี่สิบสองยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 7 ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสองจะอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์ทั้งยี่สิบสองกับนายภูเทพ มาใช้ยันจำเลยทั้งแปดซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วยไม่ได้ หากโจทก์ทั้งยี่สิบสองได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งแปดที่ได้กระทำไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ก็ชอบที่จะต้องไปว่ากล่าวกันในคดีเดิม พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งยี่สิบสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งยี่สิบสองว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องของโจทก์ทั้งยี่สิบสองชอบหรือไม่ โจทก์ทั้งยี่สิบสองฎีกาว่า เมื่อโจทก์ทั้งยี่สิบสองได้รับความเสียหายย่อมฟ้องคดีต่อศาลได้ ไม่ว่าจะใช้สิทธิร้องขอเข้าไปในคดีเดิมหรือฟ้องเป็นคดีใหม่นั้น ป.วิ.พ. มาตรา 261 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “จำเลยหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้รับหมายยึด หมายอายัด หรือคำสั่งตามมาตรา 254 (1) (2) หรือ (3) หรือจะต้องเสียหายเพราะหมายยึด หมายอายัดหรือคำสั่งดังกล่าวอาจมีคำขอต่อศาลให้ถอนหมาย เพิกถอนคำสั่ง หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่ง หมายยึด หรือหมายอายัด ซึ่งออกตามคำสั่งดังกล่าวได้
” การที่ศาลชั้นต้นมีหมายห้ามชั่วคราวถึงนายภูเทพ จำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าว โจทก์ทั้งยี่สิบสองเป็นบุคคลภายนอกซึ่งอ้างว่าจะต้องเสียหายเพราะหมายห้ามชั่วคราวในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ของศาลชั้นต้นดังกล่าว หากประสงค์จะขอให้ศาลเพิกถอนหมายห้ามชั่วคราว โจทก์ทั้งยี่สิบสองก็ชอบที่จะยื่นคำขอในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ซึ่งเป็นคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 261 วรรคหนึ่ง ส่วนที่โจทก์ทั้งยี่สิบสองฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ทั้งยี่สิบสองชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 และการกระทำของจำเลยทั้งแปดเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบสองนั้น ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ทั้งยี่สิบสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.