คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้อง ริบตาม มาตรา 70.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในทะเลสาบ จังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นที่จับสัตว์น้ำและเป็นที่สาธารณประโยชน์ ฝ่าฝืนต่อประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในทะเลสาบ จังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมยึดเรือไม้1 ลำ เครื่องยนต์ 1 เครื่อง แบตเตอรี่ 2 ลูก คันรุนพร้อมอวน1 ชุด ซึ่งเป็นเรือและเครื่องมือที่จำเลยทั้งสองใช้ทำการประมงโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และสัตว์น้ำเบญจพรรณจำนวน 5 กิโลกรัม ซึ่งจำเลยทั้งสองได้มาจกาการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2)(4),65, 69, 70 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในทะเลสาบ จังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2515พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2528 (ฉบับที่ 3) มาตรา 13ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 105) ลงวันที่ 24 มีนาคม 2515 ข้อ 5ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 4,000 บาทรอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ยกคำขออื่น
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบเรือไม้ 1 ลำ เครื่องยนต์ 1 เครื่องแบตเตอรี่ 2 ลูก ซึ่งประกอบเข้ากันเป็นเรือยนตื และคันรุนพร้อมอวน1 ชุด ซึ่งประกอบเข้ากันเป็นอวนรุนของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเรือและอวนรุนของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เรือไม้1 ลำ เครื่องยนต์ 1 เครื่อง และแบตเตอรี่ 2 ลูก ซึ่งประกอบเข้ากันเป็นเรือยนต์มิใช่เครื่องมือทำการประมงศาลไม่มีอำนาจสั่งริบ คงสั่งริบได้เฉพาะคันอวนรุนพร้อมอวน 1 ชุดนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่ามาตรา 4(3) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 บัญญัติให้เรือที่ใช้ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมงด้วย ดังนั้นเรือยนต์ของกลางจึงเป็นเครื่องมทือทำการประมง และประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้นั้น เมื่อรัฐมนตรีได้ประกาศกำหนดเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามมิให้ใช้เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุงและอวนรุนที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมงในเขตที่ระบุไว้โดยเด็ดขาดตามประกาศนั้นแล้วเรือยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุนจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตามมาตรา 32(2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ศาลจึงสั่งริบเรือยนต์ของกลางได้
พิพากษายืน.

Share