คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357วรรคสอง จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยรับเช็คไว้โดยรู้ว่าเป็นเช็คอันได้มาจากการลักทรัพย์แม้จำเลยจะไม่มีทางรับเงินตามเช็คได้ เพราะเช็คถูกอายัดไว้แล้ว ก็เป็นความผิดฐานรับของโจรสำเร็จแล้วไม่ใช่เพียงขั้นพยายาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายชิงทรัพย์แหวนสองวงและเช็ค 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงิน13,400 บาท ของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเช็ค 1 ฉบับ อันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ถูกคนร้ายชิงไป ทั้งนี้ จำเลยรับของโจรเช็คนั้นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคสอง จำคุก 4 ปี คืนเช็คของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าโจทก์นำสืบได้ว่าเช็คของกลาง จำเลยรับไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นเช็คอันได้มาโดยการชิงทรัพย์ มิใช่ได้มาโดยการลักทรัพย์ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย การกระทำของจำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคสอง ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เถียงข้อเท็จจริงขึ้นมา เป็นปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลล่างเพียงเล็กน้อย ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์มาไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยนำเช็คของกลางซึ่งรับของโจรไว้ไปขอรับเงินจากธนาคาร ธนาคารไม่มีทางจ่ายเงินให้จำเลย เพราะเช็คถูกอายัดไว้แล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามรับของโจรเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้รับเช็คของกลางไว้ เข้าลักษณะความผิดฐานรับของโจรตามมาตรา 357 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว การกระทำความผิดฐานรับของโจรของจำเลยเกิดขึ้นและสำเร็จ แม้จำเลยไม่มีทางรับเงินจากธนาคารได้ก็ตาม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share