คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18 (อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมาศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ฟังได้ว่าจำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเครื่องจักรเกินกว่า ๒ แรงม้าและมีไม้สัก ไม้ยาง แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางคือไม้แปรรูปกับเครื่องจักรซึ่งจำเลยใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ อันได้แก่เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้ และเครื่องจักรใช้ไสไม้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้และพระราชบัญญัติโรงงานลงโทษฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาตปรับ ๕,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง และฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองไม่รับอนุญาตจำคุก ๑ ปี ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท อีกระทงหนึ่งจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก ๖ เดือน ปรับ ๗,๕๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอไว้ ๓ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบเครื่องมือ เครื่องจักรของกลาง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้กล่าวหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้ ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้น เครื่องมือเครื่องจักรของกลางไม่ได้ความว่าจำเลยได้ใช้ในการแปรรูปไม้จะถือว่าจำเลยได้ใช้ในการกระทำผิดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดไม่ได้ จึงไม่ต้องริบ พิพากษาแก้ว่าไม่ริบเครื่องมือจักรของกลาง ให้คืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาขอให้ริบเครื่องมือเครื่องจักรของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓มาตรา ๑๘ บัญญัติว่า “บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะหรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดตาม มาตรา ๑๗,๔๘, ๕๔ หรือ มาตรา ๖๙ ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่” เห็นว่าเครื่องมือและเครื่องจักรของกลางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ข้อ ๔ จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔)พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๘ ทั้งนี้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๗๒/๒๕๐๕ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาต วางโทษปรับ ๕,๐๐๐ บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะความผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ มีอัตราโทษปรับสถานเดียวจึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยางโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับจะลงโทษปรับสถานเดียวทำได้ไม่ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักไม้ยางอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐แต่เนื่องจากโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยางไม่รับอนุญาต ริบเครื่องมือ เครื่องจักรกลนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share