คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ออกเช็คที่พิพาทให้โจทก์ไว้เป็นการชำระค่าเช่าโฉนดที่ดิน เพื่อนำไปประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ธนาคาร จำเลยฎีกาว่ามูลหนี้ตามเช็คที่พิพาทต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องเพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนี้ เป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้ฟังมา จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์เป็นประกันที่จำเลยยืมโฉนดของโจทก์ ไปเป็นหลักประกันสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารเพื่อเบิกเงินมาทำการค้าร่วมกับโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คมาตรา ๓ จำคุกจำเลย ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๔ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง พิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า จำเลยได้ออกเช็คที่พิพาทให้โจทก์ไว้เป็นการชำระค่าเช่าโฉนดที่ดิน เพื่อนำไปประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ธนาคาร เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยฎีกาว่ามูลหนี้ตามเช็คพิพาทต้องห้ามมิให้ฟ้องร้อง เพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ อย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ฟังมาดังกล่าวเป็นฎีกาต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๘่
ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยมาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
จึงให้ยกฎีกาจำเลย

Share