คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง ซึ่งเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม เท่านั้น และศาลล่างทั้งสองก็มิได้ปรับบทความผิดและลงโทษจำเลยตามมาตรา 7, 72 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงกรณีมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่โต้แย้งว่าการมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนย่อมไม่เป็นความผิดนั้นจึงไม่อาจหักล้างเป็นอย่างอื่นและเปลี่ยนแปลงผลคดีไปได้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาในคดีก่อนของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งพิพากษาลงโทษจำเลย จำคุก 9 ปี และปรับ 75 บาท จำเลยยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาอยู่ แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดและอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ก็ไม่ใช่เหตุที่จะนำมานับโทษจำเลยต่อไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2548 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 เครื่องหมายทะเบียน กท.3916606 พร้อมกระสุนปืนขนาดเดียวกัน 4 นัด ของผู้อื่น ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปในซอยลาซาล ถนนสุขุมวิท 105 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานครอันเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เหตุเกิดที่แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2548 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 9 ปี และปรับ 75 บาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371 และนับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2548 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเที่ยมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2548 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งใช้กับอาวุธปืนที่มีทะเบียนเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวางบรรทัดฐานได้ว่า เมื่ออาวุธปืนมีทะเบียน เครื่องกระสุนปืนที่มีไว้ในครอบครองก็ไม่จำต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอีก การมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจึงไม่เป็นความผิด เห็นว่า คดีนี้ได้ความว่าเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง ซึ่งเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม เท่านั้น และศาลล่างทั้งสองก็มิได้ปรับบทความผิดและลงโทษจำเลยตามมาตรา 7, 72 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงกรณีมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่โต้แย้งว่าการมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนย่อมไม่เป็นความผิดนั้นจึงไม่อาจหักล้างเป็นอย่างอื่นและเปลี่ยนแปลงผลแห่งคดีไปได้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปมีว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2548 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2548 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 9 ปี และปรับ 75 บาท จำเลยยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาอยู่ แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดและอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ก็ไม่ใช่เหตุที่จะนำมานับโทษจำเลยต่อไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองนับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการพิพากษาของศาลฎีกา ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำร้องของจำเลยว่าศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อตามสำเนาคำพิพากษาแนบท้ายคำร้องจึงไม่มีโทษจำคุกจำเลยที่จะนำโทษของจำเลยในคดีนี้ไปนับต่อ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบาโดยรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยมีและพาอาวุธปืนพร้อมทั้งเครื่องกระสุนปืนของกลางติดตัวไปในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ผิดปกติวิสัยของสุจริตชน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว รวมทั้งอ้างเหตุผลและความจำเป็นในการกระทำความผิด ก็ไม่เพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย อย่างไรก็ตาม จำเลยมีอาวุธปืนของกลางที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ก่อนลดโทษให้นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษที่หนักเกินไป เห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ฎีกาในข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน นำโทษจำคุก 3 เดือน ในความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ให้ยกคำขอให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share