แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ชำระเงินตามเช็ค กฎหมายห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันเช็คถึงกำหนด การนับระยะเวลาในกรณีนี้จะนับวันแรกรวมคำนวณเข้าในอายุความหนึ่งปีด้วยหาได้ไม่ เพราะไม่ได้เริ่มการอะไรในวันนั้น เช็คที่ถึงกำหนดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511ฟ้องคดีวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 และที่ถึงกำหนดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2511 ฟ้องคดีวันที่ 27 พฤศจิกายน 2512 ฟ้องทั้งสองสำนวนนี้ยังไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2511 จำเลยออกเช็คลงวันที่20 พฤศจิกายน 2511 สั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้แก่ร้านศิริชัยสามฉบับต่อมานายช่อ แซ่โง้วเจ้าของร้านศิริชัยได้นำเช็คสามฉบับนี้มอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ครั้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 โจทก์ได้นำเช็คทั้งสามฉบับเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ได้ออกเช็คทั้งสามฉบับเพื่อชำระค่าสิ่งของล่วงหน้าให้แก่นายเทียมเฮง แซ่อึ้ง หรือ อึ้ง แต่นายเทียมเฮงผิดนัดผิดสัญญาไม่ส่งของให้จำเลยจำเลยจึงอายัดเช็คทั้งสามฉบับไว้ต่อธนาคาร โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้รับเช็คมาโดยเจตนาจะฉ้อฉลจำเลย คดีของโจทก์ขาดอายุความ
สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2511 สั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้แก่ร้านศิริชัยหนึ่งฉบับ ต่อมานายชอ แซ่โง้ว เจ้าของร้านศิริชัยได้มอบเช็คฉบับนี้ให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ครั้นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2511 โจทก์ได้นำเช็คเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การทำนองเดียวกับคำให้การในสำนวนแรก
ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนแล้ว คดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยฉ้อฉล และฟ้องไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คทั้งสี่ฉบับแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คไว้ด้วยคบคิดกับบุคคลอื่นเพื่อฉ้อฉลจำเลย ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องขาดอายุความ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 สามฉบับ ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องเป็นสำนวนแรกเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 กับจำเลยได้ออกเช็ครายพิพาทลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2511 หนึ่งฉบับ ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องเป็นสำนวนหลังเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2512 ศาลฎีกาเห็นว่า การนับระยะเวลาในเรื่องนี้เป็นปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา158 บัญญัติว่า มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย เว้นแต่จะเริ่มการในวันนั้นเอง ตั้งแต่เวลาอันเป็นกำหนดเริ่มทำการงานกันตามประเพณี กรณีจะนับวันแรกรวมคำนวณเข้าในอายุความหนึ่งปีด้วยหาได้ไม่เพราะไม่ได้เริ่มการอะไรในวันนั้น เช็คสามฉบับแรกจึงต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2511 เช็คฉบับหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2511 เมื่อนับโดยนัยเช่นว่านี้แล้ว ฟ้องทั้งสองสำนวนยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน