คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยึดที่ดินมีโฉนด เพียงแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาโฉนดที่ดินมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินก็ถือเป็นการยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 304 วรรคหนึ่งแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์หรือผู้แทนของโจทก์ไปนำชี้ทรัพย์ที่จะยึดเพื่อประทับตราหรือกระทำโดยวิธีอื่นใด เพื่อให้การยึดเห็นประจักษ์เหมือนอย่างกรณีการยึดสังหาริมทรัพย์ การให้มีผู้นำยึดโดยผู้นำยึดต้องชี้ทรัพย์ที่จะยึด เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึด การทำแผนที่ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น ดังนั้น การที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปชี้ที่ดินที่จะยึด โดยนำชี้ผิดแปลงก็มีผลเพียงให้มีการปิดประกาศการยึดผิดแปลงเท่านั้น หาใช่เป็นกรณีการยึดที่ดินผิดแปลงไม่ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินเพื่อนำชี้ที่ดินแปลงที่ถูกต้องใหม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและมอบให้ผู้แทนโจทก์ดำเนินการบังคับคดี ผู้แทนโจทก์ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ต่อมาผู้แทนโจทก์นำยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแปลงดังกล่าว อ้างว่าทรัพย์สินทั้งสองรายการ ดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๒ หลังจากนั้นโจทก์ตรวจพบว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปิดประกาศยึดไว้เป็นของบริษัทมารถฤดี จำกัด มิใช่ที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ ของจำเลยที่ ๒ โจทก์จึงแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอถอนการยึด สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน และได้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดสิ่งปลูกสร้างแล้วไม่มีการขายและขอนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ ของจำเลยที่ ๒ เพื่อปิดประกาศยึดทรัพย์ใหม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า กรณีเป็นการยึดที่ดินผิดแปลงให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขาย
โจทก์จึงยื่นคำร้องว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวไม่ชอบ เพราะการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ ดังกล่าวโจทก์ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยยื่นสำเนาโฉนดไปด้วย เจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบแล้ว จึงมีคำสั่งยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ และแจ้งการยึดให้จำเลยที่ ๒ และเจ้าพนักงานที่ดินทราบแล้ว จึงเป็นการยึดที่ดินโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๔ วรรคหนึ่ง ส่วนการตรวจสอบสภาพที่ดินเป็นเพียงวิธีปฏิบัติภายหลังการยึดโดยชอบแล้ว เมื่อสภาพที่ดินที่ปิดประกาศยึดทรัพย์ผิดไปโจทก์สามารถแก้ไขได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๓๐ ของจำเลยที่ ๒ เพื่อปิดประกาศยึดทรัพย์ใหม่ต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การยึดอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดนั้นให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกการยึดไว้ในทะเบียน ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออก หรือนำมาแสดงไม่ได้ หรือหาไม่พบ ให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินเป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว” ดังนั้น การยึดอสังหาริมทรัพย์ดังเช่นการยึดที่ดินซึ่งมีโฉนด ที่ดินในคดีนี้ เพียงแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาโฉนดที่ดินมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินก็ถือเป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์หรือผู้แทนของโจทก์ไปนำชี้ทรัพย์ที่จะยึดเพื่อประทับตราหรือกระทำโดยวิธีอื่นใดเพื่อให้ การยึดเห็นประจักษ์เหมือนอย่างกรณีการยึดสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด เหตุที่ระเบียบการบังคับคดีที่มีอยู่เดิมกำหนดให้ ผู้นำยึดโดยผู้นำยึดต้องชี้ทรัพย์ที่จะยึดก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึด การทำแผนที่ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น ซึ่งหากแผนที่ดังกล่าวไม่ถูกต้อง ก็มิได้ผูกมัดเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่อย่างใด ระเบียบการบังคับคดีที่ให้มีผู้นำยึดชี้ทรัพย์ที่จะยึดอสังหาริมทรัพย์เช่นนั้น จึงเป็นการปฏิบัติเกินเลยกว่าบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำ เจ้าพนักงานบังคับคดีไปชี้ที่ดินที่จะยึดตามระเบียบเดิมโดยนำชี้ผิดแปลง ก็ไม่อาจจะถือได้ว่ากรณีเป็นการยึดที่ดินผิดแปลง การนำชี้ผิดแปลงดังกล่าวเป็นผลเพียงให้มีการปิดประกาศการยึดผิดแปลงเท่านั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำ เจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินเพื่อนำชี้ที่ดินแปลงที่ถูกต้องใหม่ได้ เพราะขั้นตอนการยึดได้กระทำโดยครบถ้วนตามกฎหมายดังที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี และดำเนินการบังคับคดีต่อไป ค่าคำร้องในศาล ชั้นต้นให้เป็นพับและจำเลยทั้งสองไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

Share