แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอัดเฮโรอีนชนิดผงให้เป็นแท่งเป็นการเปลี่ยนรูปเฮโรอีน จึงถือได้ว่าเป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันผลิตและมีเฮโรอีนจำนวน ๒๔๐.๐๗๑ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๕, ๖๖, ๖๗และ ๑๐๒ ริบของกลาง
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ กลับให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ฐานผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้ประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นพิจารณาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ กับคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ไว้ตลอดชีวิต ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๖ ริบของกลางทั้งหมด
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ อุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ วรรคสอง มีข้อความว่า ‘ผลิต’ หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุงแปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความรวมถึงการแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุด้วย’ ศาลฎีกาเห็นว่า การอัดเฮโรอีนชนิดผงให้เป็นแท่งเป็นการเปลี่ยนรูปเฮโรอีน จึงถือได้ว่าเป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของบทมาตราดังกล่าว ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงของโจทก์และของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ แล้วไม่แน่ใจว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ กระทำผิดตามฟ้อง จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยทั้งสามดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ และคืนกระเป๋าเดินทางของกลางซึ่งฟังไม่ได้ว่าได้มีการใช้ในการกระทำความผิดหรือเจ้าของมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์