คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2167/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การสละมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะกระทำได้ต่อเมื่อหลังจากที่เจ้ามรดกตายแล้ว และผู้สละเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกนั้นด้วย หากเจ้ามรดกยังไม่ตาย ก็ย่อมจะไม่มีมรดกตกทอดเพื่อให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกสละได้ ดังจะเห็นได้จากการที่มาตรา 1615 บัญญัติให้การสละมรดกมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาที่เจ้ามรดกตาย
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่ผู้ร้องแต่เพียงผู้เดียวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2501 ต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม 2504 ผู้ร้องและเจ้ามรดกได้ทำสัญญากันมีใจความว่า ผู้ร้องไม่ขอเกี่ยวข้องในทรัพย์สินของเจ้ามรดก นอกจากนา 10 ไร่ และยุ้งข้าวครึ่งหนึ่งแล้ว ผู้ร้องยอมสละสิทธิหมดทุกอย่างเท่าที่มีสิทธิจะพึงได้ ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ดังนี้สัญญาดังกล่าวมิใช่เป็นการสละมรดก เพราะได้ทำไว้ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ไม่มีผลกระทบกระเทือนพินัยกรรมของเจ้ามรดกที่ทำไว้ข้างต้น และเมื่อผู้ร้องเป็นผู้เหมาะสม ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมาย จึงชอบที่จะตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลั่ง ธรรมปัญญาโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นบุตรของนางปลั่ง และเป็นผู้รับพินัยกรรมของนางปลั่งตามพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองลงวันที่ 23 ตุลาคม 2501 ผู้ร้องจึงขอเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อจัดการตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกต่อไป

นายครอบ ธรรมปัญญา พี่ชายของผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านว่าหลังจากที่นางปลั่ง ธรรมปัญญา ได้ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 23 ตุลาคม 2501 แล้ว ผู้ร้องไม่เคารพยำเกรงนางปลั่ง ประพฤติฝ่าฝืนจิตใจนางปลั่ง และเอาเงินของนางปลั่งไปใช้ส่วนตัวเป็นจำนวนมากนางปลั่งจึงเปลี่ยนใจไม่ยกทรัพย์ตามพินัยกรรมให้ผู้ร้อง ผู้ร้องกับนางปลั่งจึงได้ทำสัญญาลงวันที่ 1 ธันวาคม 2504 ความว่าผู้ร้องจะไม่ขอเกี่ยวข้องในทรัพย์สินของนายเคลื่อน นางปลั่ง ธรรมปัญญา ไม่ว่าสิ่งใด ๆ ที่มีอยู่ ส่วนยุ้งข้าวนั้นคงเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่ง ส่วนนามรดกคงเป็นของผู้ร้อง 10 ไร่ ส่วนของนอกนั้นผู้ร้องไม่เกี่ยวข้องด้วย และยอมสละสิทธิหมดทุกอย่างเท่าที่มีสิทธิจะพึงได้ จึงขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลั่ง ธรรมปัญญา

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า พินัยกรรมของนางปลั่ง ธรรมปัญญา ฉบับลงวันที่ 23 ตุลาคม 2501 เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมายหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 1 ธันวาคม 2504 ซึ่งผู้ร้องและนางปลั่งทำไว้นั้นเป็นเพียงสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างผู้ร้องกับนางปลั่ง ในขณะมีชีวิตอยู่โดยตกลงว่าผู้ร้องจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ของนายเคลื่อนบิดาที่ตายไปแล้วตลอดจนทรัพย์สินของนางปลั่งในระหว่างที่นางปลั่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น มิได้รวมถึงทรัพย์มรดกของนางปลั่ง ทั้งนี้เพราะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกจะสละมรดกได้ก็ต่อเมื่อมรดกตกทอดถึงตนแล้วจะสละสิทธิรับมรดกไว้ล่วงหน้ามิได้ หนังสือสัญญาดังกล่าวจึงมิใช่เรื่องสละมรดกของผู้ร้องและผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิในทรัพย์มรดกของนางปลั่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้เหมาะสมไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมาย จึงเห็นพ้องกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลั่งผู้ตาย พิพากษายืน

ผู้คัดค้านฎีกา

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2501 นางปลั่งเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์สินให้ผู้ร้องต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม2504 ผู้ร้องและนางปลั่งได้ทำสัญญาเป็นหนังสือมีใจความว่า ผู้ร้องไม่ขอเกี่ยวข้องในทรัพย์สินของนายเคลื่อนและนางปลั่ง นอกจากนา 10 ไร่ และยุ้งข้าวครึ่งหนึ่งแล้วผู้ร้องยอมสละสิทธิหมดทุกอย่างเท่าที่มีสิทธิจะพึงได้ นางปลั่งเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2510

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การสละมรดกนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อหลังจากที่เจ้ามรดกตายแล้ว และผู้สละเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกนั้นด้วย หากเจ้ามรดกยังไม่ตาย ก็ย่อมจะไม่มีมรดกตกทอดเพื่อให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกนั้นสละมรดกได้ ทั้งนี้จะเห็นได้จากมาตรา 1615 ซึ่งบัญญัติว่า การที่ทายาทสละมรดกนั้นมีผลย้อนหลังไปถึงเวลาที่เจ้ามรดกตาย ฯลฯ ซึ่งแสดงว่าการสละมรดกนั้นเป็นการสละภายหลังที่เจ้ามรดกตายแล้ว กฎหมายจึงให้มีผลย้อนหลังไปถึงเวลาที่เจ้ามรดกตาย ส่วนที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า การสละมรดกกระทำไว้ล่วงหน้าก่อนเจ้ามรดกตายได้ ไม่ขัดต่อมาตรา 1619 เพราะมาตรา1619 บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการสืบมรดก มิใช่การรับมรดกนั้นเห็นว่าเมื่อการสละมรดกจะกระทำได้หลังจากที่เจ้ามรดกตายดังได้วินิจฉัยมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าจะขัดกับมาตรา 1619อีกด้วยหรือไม่ ฉะนั้นหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 1 ธันวาคม 2504 ที่ผู้ร้องทำไว้ก่อนนางปลั่งถึงแก่กรรม จึงมิใช่เป็นการสละมรดกไม่มีผลกระทบกระเทือนพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 23 ตุลาคม 2501 ซึ่งนางปลั่งยกทรัพย์สินให้ผู้ร้องแต่ผู้เดียวแต่ประการใด ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลั่งผู้ตายจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share