คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้เลื่อนคดีแก่ทนายจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้ว ทนายจำเลยทั้งสามจะขอเลื่อนการพิจารณาอีกไม่ได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก การที่ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีครั้งต่อมาโดยอ้างเหตุแห่งความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ว่าเพราะทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งนัดไว้ก่อนและเป็นนัดสุดท้ายฝ่ายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง ดังนั้น ต้องถือว่าทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นจริง ทนายจำเลยทั้งสามย่อมไม่สามารถว่าความสองคดีต่างศาลกันในเวลาเดียวกันได้ นับว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อจำเลยทั้งสามยังไม่ได้เบิกความเป็นพยานตนเอง หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมแก่จำเลยทั้งสาม ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งเลื่อนคดีไปเท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ขับรถยนต์ตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 3ให้ไปส่งตู้เย็นที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 3 อันเป็นธุรกิจในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ทั้งสองอาศัยรถคันดังกล่าวไปด้วยจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พลิกคว่ำ ทำให้โจทก์ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์ที่ 2 บาดเจ็บ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสาม
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ทั้งสองโดยสารรถไปด้วย จำเลยที่ 1 ปฏิเสธเพราะจำเลยที่ 2 มีคำสั่งห้าม แต่โจทก์ทั้งสองสัญญาว่าไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ หากเกิดความเสียหายขึ้นจะไม่เรียกร้องค่าตอบแทนจากจำเลย วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ใช้ความระมัดระวังแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่า การที่โจทก์ทั้งสองติดต่อจำเลยที่ 1 ไปส่งสินค้า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้รู้เห็นด้วย เป็นการกระทำนอกเหนือทางการที่จ้าง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณา หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 22กุมภาพันธ์ 2532 ในวันนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าติดว่าความคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 549/2530ที่ศาลจังหวัดยะลา ศาลชั้นต้นเห็นว่าทนายจำเลยทราบวันนัดล่วงหน้าแต่เพิ่งมายื่นคำร้องอ้างเหตุว่าติดว่าความที่ศาลอื่นในวันนี้เป็นเหตุอันไม่สมควร จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาสืบนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2532เวลา 10 นาฬิกา
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2532 ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าไม่เห็นพ้องกับคำสั่งศาลชั้นต้น เพราะทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดยะลาจริงตามสำเนารายงานกระบวนพิจารณาและบันทึกคำพยานของศาลจังหวัดยะลาที่แนบมา ขอให้ศาลชั้นต้นยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาและให้นัดสืบพยานจำเลยใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้น ที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยทั้งสามต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองมีว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลย ตามที่ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอนั้นชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก บัญญัติว่า”เมื่อศาลได้กำหนดนัดวันนั่งพิจารณาและแจ้งให้คู่ความทราบแล้วถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการนั่งพิจารณาต่อไปโดยเสนอคำขอในวันนั้นหรือก่อนวันนั้น ศาลจะสั่งให้เลื่อนต่อไปก็ได้ แต่เมื่อศาลได้สั่งให้เลื่อนไปแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นจะขอเลื่อนการนั่งพิจารณาอีกไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และคู่ความฝ่ายที่จะขอเลื่อนแสดงให้เป็นที่พอใจศาลได้ว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ก็ให้ศาลสั่งเลื่อนคดีต่อไปได้เท่าที่จำเป็น แม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้ง…” ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้สั่งให้เลื่อนคดีแก่ทนายจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2531 ดังนั้นทนายจำเลยทั้งสามจึงจะขอเลื่อนการพิจารณาอีกไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปจะทำให้เสียความยุติธรรมตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยทั้งสามฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์2532 นั้น ทนายจำเลยทั้งสามได้อ้างเหตุแห่งความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ว่า เพราะทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 549/2530 ของศาลจังหวัดยะลา ซึ่งได้นัดไว้ก่อนและเป็นนัดสุดท้าย ฝ่ายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องของทนายจำเลยทั้งสามไม่เป็นความจริง ฉะนั้นต้องถือว่า ทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลจังหวัดยะลาจริง ทนายจำเลยทั้งสามย่อมไม่สามารถว่าความสองคดีต่างศาลกันในวันเวลาเดียวกันได้ จึงมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อจำเลยทั้งสามยังไม่ได้เบิกความเป็นพยานตนเอง หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมเห็นได้ว่าจะทำให้เสียความยุติธรรมแก่จำเลยทั้งสามชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งเลื่อนคดีต่อไปเท่าที่จำเป็น แม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว กรณีมิใช่การประวิงคดีเพราะการเลื่อนคดีของทนายจำเลยทั้งสามในครั้งก่อนและครั้งนี้ล้วนมีเหตุจำเป็นและไม่อาจก้าวล่วงเสียได้
พิพากษายืน

Share