คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 คือการลดอัตราโทษขั้นสูงและขั้นต่ำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งแล้วจึงลงโทษระหว่างนั้น หาใช่ศาลกำหนดโทษลงไว้ก่อนแล้วลดจากโทษที่กำหนดไว้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมสมคบกันชิงทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๘๓ ฐานร่วมกันชิงทรัพย์วางโทษจำคุกจำเลย ๔ ปี จำเลยมีอายุ ๑๙ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๖ คงจำคุกจำเลย ๒ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง แต่เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษให้นั้น ยังไม่ถูกต้องเพราะการลดมาตราส่วนโทษต้องลดจากโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ มิใช่ลดจากโทษที่ศาลกำหนด จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๘๓ แต่จำเลยอายุเพียง ๑๙ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๖ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๒ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้วแต่ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการลดมาตราส่วนโทษต้องลดจากโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ มิใช่ลดจากโทษตามที่ศาลกำหนดนั้น ไม่ถูกต้อง โจทก์เห็นว่าศาลต้องวางโทษก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๗/๒๕๑๐
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีแล้ว คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายประการเดียวคือ ในการลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ ศาลจะต้องวางโทษเสียก่อนแล้วจึงลด ดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์โดยตลอดแล้วเห็นว่า การลดมาตราส่วนโทษคือการลดอัตราโทษขั้นสูงและขั้นต่ำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง (ตามมาตรา ๗๖) แล้วจึงลงโทษระหว่างนั้น หาใช่ศาลกำหนดโทษลงไว้ก่อน แล้วลดจากโทษที่กำหนดไว้ดังที่โจทก์เข้าใจไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๗/๒๕๑๐ ที่โจทก์อ้างรูปเรื่องไม่ตรงกับคดีนี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืนให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย

Share