แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเสนอข่าวในหนังสือพิมพ์ที่จำเลยที่1เป็น บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาโดยยืนยันข้อเท็จจริงในทำนองว่าโจทก์เกี่ยวพันกับการค้าเฮโรอีนและโจทก์ถูกระงับวีซ่าหรือห้ามเข้าประเทศ สหรัฐอเมริกาและประเทศ ออสเตรเลีย ซึ่งไม่เป็นความจริงมิใช่เพื่อป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนแต่อย่างใดเนื่องจากโจทก์มิได้กระทำการใดๆต่อจำเลยที่1ก่อนเมื่อจำเลยที่1เสนอข่าวยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งไม่เป็นความจริงจึงมิใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยที่จำเลยที่1ในฐานะประชาชนมีสิทธิทำได้โดยต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิตามกฎหมายของผู้อื่นแต่ข้อความที่หนังสือพิมพ์ที่จำเลยที่1เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาเสนอข่าวนั้นเป็นการเสนอข่าวโดยมุ่งหวังเพื่อทำลายชื่อเสียงของโจทก์ซึ่งส่อแสดงเจตนาอันไม่สุจริตเนื่องจากได้เสนอข่าวติดต่อกันหลายวันหลายฉบับจำเลยที่1จึงไม่ได้รับยกเว้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา329(1)
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 326, 328, 332 และ พระราชบัญญัติ การพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 48, 49 กับ สั่ง ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ประกาศ คำพิพากษาและ คำขอ อภัย โจทก์ ใน หนังสือพิมพ์ รายวัน ที่ ออก จำหน่าย ใน กรุงเทพมหานครทุก ฉบับ ด้วย เนื้อที่ 1 ใน 2 ของ หน้า หนังสือพิมพ์ แต่ละ ฉบับ เป็น เวลา15 วัน ติดต่อ กัน โดย จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน หรือ แทน กัน เป็น ผู้ ออกค่าใช้จ่าย ทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย ที่ 1 มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 พระราชบัญญัติ การพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 48 การกระทำ เป็น ความผิด หลายกรรม ต่างกัน ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เรียง กระทง ลงโทษ จำคุก กระทง ละ 4 เดือน ปรับ กระทง ละ3,000 บาท รวม 5 กระทง เป็น จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 15,000 บาทไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ที่ 1 เคย รับโทษ จำคุก มา ก่อน พฤติการณ์ และเหตุผล แห่ง รูปคดี มีเหตุ สมควร รอการลงโทษ เพื่อ ให้ โอกาส จำเลย ที่ 1กลับ ตน เป็น พลเมือง ดี เห็นสมควร รอการลงโทษ ไว้ กระทง ละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระ ค่าปรับ ให้ กักขัง แทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กับ ให้ โฆษณา คำพิพากษา นี้ ทั้งหมดใน หนังสือพิมพ์ รายวัน 4 ฉบับ คือ ผู้จัดการรายวัน ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ด้วย เนื้อที่ 1 ใน 2 ของ หน้า หนังสือพิมพ์ แต่ละ ฉบับ ติดต่อ กัน 5 วัน โดย จำเลย ที่ 1 เป็น ผู้ชำระ ค่า โฆษณาส่วน จำเลย ที่ 2 ให้ยก ฟ้อง
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “จำเลย ฎีกา เฉพาะ ปัญหาข้อกฎหมาย ว่าจำเลย ที่ 1 เสนอ ข่าว เกี่ยวกับ โจทก์ โดย ได้รับ ความคุ้มครอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จำเลย ที่ 1 จึง ไม่มี ความผิด นั้นใน การ วินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมาย ดังกล่าว ศาลฎีกา จำต้อง ฟัง ข้อเท็จจริงตาม ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ได้ วินิจฉัย มา แล้ว จาก พยานหลักฐาน ใน สำนวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ ภาค 2ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ที่ จำเลย ที่ 1เป็น บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ได้ ลง พิมพ์ ข้อความ เป็น ข่าว พาดพิงถึง โจทก์ รวมทั้งหมด 5 ฉบับ ใจความ ว่า โจทก์ เป็น ผู้ค้า เฮโรอีนและ มี ชื่อ ใน บัญชี ราย ชื่อ ของ หน่วย ปราบปราม ยาเสพติด ของประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็น นัก ค้า ยาเสพติด ผู้ โด่งดัง ประเทศ สหรัฐอเมริกา เชื่อ ว่า โจทก์ ค้า ยาเสพติด มา นาน แล้ว และ เคย ส่ง ทูต มา ติดต่อ กับ รัฐบาล ของ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อ มิให้ โจทก์ร่วม รัฐบาล โจทก์ มี ความ สัมพันธ์ แนบ แน่น กับ ผู้ค้า ยาเสพติดซึ่ง เป็น ผู้ค้า ยาเสพติด ระดับ ข้าม ชาติ ใน ภาคเหนือประเทศ สหรัฐอเมริกา กล่าวหา ว่า โจทก์ เป็น ผู้ค้า เฮโรอีน และ โจทก์ เป็น ผู้ค้า ยาเสพติด และ มี ชื่อ ใน บัญชี ดำ ของ ผู้ค้า ยาเสพติด ของประเทศ ออสเตรเลีย ประเทศ ออสเตรเลีย ได้ งด ออก วีซ่า ไม่ให้ โจทก์ เข้า ประเทศ ตาม เอกสาร หมาย จ. 2 ถึง จ. 6 ซึ่ง ไม่เป็น ความจริงแต่ เป็น การ ยืนยัน ข้อเท็จจริง ใน ทำนอง ว่า โจทก์ เกี่ยวพัน การค้า เฮโรอีนและ โจทก์ ถูก ระงับ วีซ่า หรือ ห้ามเข้า ประเทศ สหรัฐอเมริกา และ ประเทศ ออสเตรเลีย ศาลฎีกา เห็นว่า การ เสนอ ข่าว ใน หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ที่ จำเลย ที่ 1 เป็น บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ดังกล่าว มิใช่ เพื่อ ป้องกัน ตน หรือ ป้องกัน ส่วนได้เสีย เกี่ยวกับ ตนแต่อย่างใด เนื่องจาก โจทก์ มิได้ กระทำการ ใด ๆ ต่อ จำเลย ที่ 1หรือ หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ของ จำเลย ที่ 1 ก่อน เมื่อ จำเลย ที่ 1 เสนอ ข่าว ยืนยัน ข้อเท็จจริง ซึ่ง ไม่เป็น ความจริง จึง มิใช่ติชม ด้วย ความเป็นธรรม อันเป็น วิสัย ที่ จำเลย ที่ 1 ใน ฐานะ ประชาชนมีสิทธิ ทำได้ โดย ต้อง ไม่ กระทบ กระเทือน สิทธิ ตาม กฎหมาย ของ ผู้อื่น ด้วยแต่ ข้อความ ที่ หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ที่ จำเลย ที่ 1เป็น บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา เสนอ ข่าว นั้น เป็น การ เสนอ ข่าว โดยมุ่งหวัง เพื่อ ทำลาย ชื่อเสียง ของ โจทก์ ซึ่ง ส่อ แสดง เจตนา อัน ไม่สุจริตเนื่องจาก ได้ เสนอ ข่าว ติดต่อ กัน หลาย วัน หลาย ฉบับ จำเลย ที่ 1จึง ไม่ได้ รับ ยกเว้น ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)ศาลล่าง ทั้ง สอง วินิจฉัย คดี ชอบแล้ว ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของจำเลย ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน