แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาขายที่ให้โจทก์แต่โจทก์ขอให้โอนแก่คนภายนอก ฝ่ายจำเลยไม่ยอมโอนให้โจทก์หรือคนภายนอกดังนี้ ก็ต้องถือว่าจำเลยผิดสัญญา
จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเป็นแต่ต่อสู้ว่าสัญญาเป็นโมฆียะดังนี้ ต้องถือว่ามีประเด็นฉะเพาะว่าเป็นโมฆียะหรือไม่ ส่วนข้อที่ว่าจำเลยทำสัญญาจริงหรือไม่ต้องถือว่าจำเลยรับ
คดีที่ไม่ต้องห้ามฎีกานั้นถ้าศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะข้อกฎหมายศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่เป็นข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ตกลงขายที่ดินให้โจทก์แล้วไปโอนยกให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยจำเลยทั้งสองรู้ว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนการให้ระหว่างจำเลย แล้วโอนให้โจทก์หรือใช้ค่าเสียหายแสนบาทเศษ
ศาลชั้นต้นแลศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินในข้อกฎหมาย ดังนี้
๑. จำเลยว่า โจทก์ไม่ยื่นต้นสัญญา เป็นพะยานสำเนาติดท้ายฟ้องฟังไม่ได้ และโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยทำสัญญาจะขายที่ให้โจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๑ เซ็นสัญญาจะขายที่ให้โจทก์โดยไม่สมัครใจสัญญาเป็นโมฆียะ จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาตามฟ้องประเด็นจึงมีเพียงว่า สัญญาเป็นโมฆียะหรือไม่ โจทก์ไม่ต้องสืบว่าจำเลยทำสัญญาจริงหรือไม่ต้องถือว่าจำเลยให้การรับในข้อนี้
๒. จำเลยว่าตามสัญญาจำเลยจะขายที่ให้โจทก์แต่โจทก์กลับขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้บริษัทแร่และยาง-ไทย จำเลยจึงไม่ผิดสัญญา ในข้อนี้ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยจะยอมโอนทีให้โจทก์หรือบริษัทแร่ยางไทยก็แล้วแต่จำเลย แต่จำเลยไม่ยอมโอนให้ใครเลย ศาลฎีกาจึงเห็นว่าจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญา
๓. ฎีกาจำเลยอีกข้อ ๑ คัดค้านในข้อเท็จจริงไม่ใช่ฎีกาข้อกฎหมายที่ศาลแพ่งสั่งรับมา ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง