แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามเช็คสองฉบับโดยเช็คฉบับแรกห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ส่วนเช็คฉบับที่สองจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย คำฟ้องดังกล่าวโจทก์นำสืบได้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 1 ได้เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีอำนาจเช่นนั้น ดังนั้นการที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า แม้ห้างจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการไว้มิให้หุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการโดยลำพังได้ก็ตามแต่ในทางปฏิบัติห้างจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2เป็นผู้ทำการแทนห้างแต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนห้างจำเลยที่ 1 ได้ จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และเป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวได้ออกเช็ค ๒ ฉบับ ให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ ฉบับแรกเป็นเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาคลองประปา ลงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๒ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทฉบับที่ ๒ เป็นเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาเสาชิงช้า ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๒๒ จำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท โดยฉบับแรกมีจำเลยที่ ๒ ลงชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของห้างจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๒ มีจำเลยที่ ๒ ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย ครั้นเมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ให้การเป็นทำนองเดียวกันว่า ห้างจำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการไว้ว่า การกระทำนิติกรรมใด ๆ ของห้างตลอดจนการรับเงินและถอนเงินจากธนาคาร หุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องลงลายมือชื่อร่วมกับจำเลยที่ ๓ และประทับตราของห้างอีกด้วย แต่เช็คพิพาททั้งสองฉบับ จำเลยที่ ๒ ลงชื่อสั่งจ่ายแต่ผู้เดียว ไม่ต้องตามข้อบังคับดังกล่าว จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดชอบทั้งจำเลยที่ ๑ ไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ที่จะต้องออกเช็คให้แก่โจทก์ด้วย
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
คดีไม่มีการชี้สองสถาน ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า แม้ห้างจำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการนั้นแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจำเลยที่ ๑ ได้เชิดให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวมีอำนาจลงชื่อและประทับตราของห้างจำเลยที่ ๑ กระทำการแทนห้างจำเลยที่ ๑ ได้
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามเช็ค ๒ ฉบับ โดยเช็คฉบับแรกห้างจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของห้างจำเลยที่ ๑ ส่วนเช็คฉบับที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายดังนี้เช็ค ๒ ฉบับนี้แม้โจทก์จะไม่ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็นำสืบได้อยู่แล้วว่าห้างจำเลยที่ ๑ ได้เชิดให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวมีอำนาจลงชื่อและประทับตราของห้างจำเลยที่ ๑ กระทำการแทนห้างจำเลยที่ ๑ ได้ เพราะเป็นการนำสืบเสมือนว่าห้างจำเลยที่ ๑ เป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างจำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง การที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า แม้ห้างจำเลยที่ ๑ได้จดทะเบียนจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการนั้นแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติห้างจำเลยที่ ๑ ได้เชิดให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนห้างจำเลยที่ ๑ ได้ จึงเป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙ และ ๑๘๐ และไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องได้
พิพากษายืน