คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์ตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ไม่เคยได้รับเงินใด ๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงิน ผ. ต่อมา ผ.ต้องการหลักฐานการกู้ยืมแต่ไม่มีประสงค์จะมีชื่อในเอกสารจึงให้ลงชื่อโจทก์แทนไว้ สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ระหว่างโจทก์จำเลย ทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหน้าหนี้ที่แท้จริงในนิตกรรมระหว่างจำเลยกับ ผ.เท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้ ผ.เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เท่ากับจำเลยอ้างว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้ให้กู้ในฐานะตัวแทน ผ. เจ้าหนี้ที่แท้จริงคือ ผ. และจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่ ผ. เจ้าหนี้ที่แท้จริงแล้ว มีเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธิสืบพยานประกอบข้ออ้างของจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์ตามสำเนาสัญญากู้เงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ และไม่เคยรับเงินใด ๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงินพระมหาผล ต่อมาพระมหาผลต้องการหลักฐานการกู้ยืม แต่ไม่ประสงค์จะมีชื่อในเอกสาร จึงให้โจทก์ลงชื่อแทนไว้ เจ้าหนี้ผู้ให้กู้ที่แท้จริงคือพระมหาผล โจทก์ไม่ใช่เจ้าหนี้ จึงไม่มีเจ้าหนี้ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ระหว่างโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหนี้ที่แท้จริงในนิติกรรมระหว่างไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ระหว่างโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหนี้ที่แท้จริงในนิติกรรมระหว่างจำเลยกับพระมหาผลเท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้พระมหาผลเรียบร้อยแล้ว หนี้รายนี้จึงระงับ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า หากให้จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้ก็เท่ากับให้จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบเพิ่มเติมเอกสารสัญญากู้ที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ จึงให้งดเสีย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนการพิจารณาสืบพยานของคู่ความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ไม่เคยได้รับเงินใด ๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงินพระมหาผลต่อมาพระมหาผลต้องการหลักฐานการกู้ยืม แต่ไม่ประสงค์จะมีชื่อในเอกสารจึงให้ลงชื่อโจทก์แทนไว้ สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ระหว่างโจทก์จำเลย ทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหนี้ที่แท้จริงในนิติกรรมระหว่างจำเลยกับพระมหาผลเท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้พระมหาผลเรียบร้อยแล้วเท่ากับจำเลยอ้างว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้ให้กู้ในฐานะเป็นตัวแทนพระมหาผล เจ้าหนี้ที่แท้จริงคือพระมหาผล และจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่พระมหาผลเจ้าหนี้ที่แท้จริงแล้ว โดยมีเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบพยานประกอบข้ออ้างของจำเลยได้
พิพากษายืน
(จันทร์ ระรวยทรง สุเมธ ทิพยมนตรี สุมิตร พักทองพรรณ)

Share