คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยมีอาชีพรับซื้อขายข้าวโพด ซึ่งต้องใช้เครื่องชั่งเป็นประจำ การใช้เครื่องชั่งแต่ละครั้ง จำเลยเอาเปรียบครั้งละ 2 หรือ 2.5 กิโลกรัม การซื้อขายแต่ละคราวผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยอาจเสียหายเป็นจำนวนมากปกติการค้าขายผู้ค้าขายย่อมได้ผลกำไรจากการซื้อถูกขายแพงอยู่แล้วการที่จำเลยยังเอาเปรียบในการค้าด้วยการมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดอัตรา จึงไม่มีเหตุอันควรปรานีศาลไม่รอการลงโทษจำคุกให้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31, 38 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270เรียงกระทงลงโทษตามพระราชบัญญัติฯ จำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000บาท ตามมาตรา 270 จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือนปรับ 3,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 เดือนปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 เดือน และไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยมีอาชีพในทางพาณิชย์รับซื้อขายข้าวโพด ซึ่งต้องใช้เครื่องชั่งเป็นประจำ การที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้า ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยทุกครั้งที่ใช้เครื่องชั่ง หากสินค้าที่ซื้อขายกันในแต่ละคราวมีปริมาณมากก็ต้องใช้เครื่องชั่งหลายครั้ง เมื่อพิจารณาถึงว่าการใช้เครื่องชั่งแต่ละครั้งจำเลยเอาเปรียบครั้งละ 2 กิโลกรัม หรือ2.5 กิโลกรัมการซื้อขายแต่ละคราวผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยอาจเสียหายเป็นจำนวนมากปกติการค้าขายผู้ค้าย่อมได้ผลกำไรจากการซื้อถูกขายแพงอยู่แล้ว การที่จำเลยยังเอาเปรียบในการค้าด้วยการมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดอัตราอีกเช่นนี้ จึงไม่มีเหตุอันควรปรานี ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share