คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นบริษัทจำกัดและเป็นผู้ทรงเช็คที่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย การที่จำเลยที่ 3ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทลงบนลายมือชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวโอนให้แก่โจทก์โดยไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุที่ประสงค์ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นการแสดงความประสงค์ของนิติบุคคลโดยทางผู้แทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 75 อันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 2 เอง และเห็นเจตนาได้โดยชัดแจ้งว่ากระทำในนามจำเลยที่ 2 แม้มิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนจำเลยที่ 2จำเลยที่ 3 ก็หาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท 5 ฉบับ จำนวนเงินทั้งสิ้น 362,517 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้สลักหลังรับอาวัลเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ แต่เช็คพิพาททุกฉบับธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้วขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยที่ 3 ให้การว่า การลงลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำในกิจการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยมิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนบุคคลอื่น แม้จะมีตราสำคัญของจำเลยที่ 2 ประทับไว้ด้วย อันอาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็ค จำเลยที่ 3 ก็ยังต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 901 ประกอบด้วยมาตรา 898 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะตัวจำเลยที่ 3

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย ที่จำเลยที่ 3 สลักหลังเช็คโอนให้โจทก์นั้นจำเลยที่ 3 กระทำในฐานะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล โดยได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทถูกต้องตามตราสารที่จดทะเบียนไว้ และไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 2 ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการแสดงความประสงค์ของนิติบุคคลโดยทางผู้แทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 อันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 2 เอง โดยเฉพาะเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจำเลยที่ 3 ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังและประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 2 ลงบนลายมือชื่อ แสดงให้เห็นเจตนาโดยชัดแจ้งว่ากระทำในนามของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล แม้มิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนจำเลยที่ 2 ก็พอเข้าใจได้แล้ว ไม่ทำให้การกระทำในฐานะผู้แทนนิติบุคคลกลับกลายเป็นส่วนตัวจำเลยที่ 3 จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share