คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่ง กันและกันการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมายตามป.อ. มาตรา 68.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 20 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 15 ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้ายใช้มีดปลายแหลมของกลางแทงผู้ตายถึงแก่ความตายข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกามีว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายนเรศ วันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวในงานโดยมีนายเสน่ห์ เด็กชายอำนาจและนายเสถียรไปด้วย จำเลยนำมีดของกลางติดตัวไปเพราะเคยถูกแทงเป็นบาดแผลที่ท้องยังไม่หาย เวลา 23นาฬิกาเศษ พากันไปดูดนตรีห่างจากกลุ่มผู้ตายซึ่งกำลังนั่งดื่มสุรากันอยู่ มีนางสาววรรณากับนางสาวจำปีเดินผ่านมา พวกที่นั่งดื่มสุราชวนนางสาววรรณากับนางสาวจำปีไปเต้นรำ คนทั้งสองไม่ยอมไปแต่กลับนำน้ำส้มมาให้จำเลยและยืนคุยกับจำเลย กลุ่มพวกผู้ตายจึงขว้างขวดสุรามาที่พวกจำเลยถูกศีรษะนายเสถียร และกลุ่มผู้ตายได้พากันลุกมาหา จำเลยกับพวกพากันวิ่งหนีจำเลยวิ่งไปทางร้านค้าผู้ตายกับพวกอีก 2-3 คน วิ่งตามมาใช้มือทุบคอจนจำเลยล้ม จำเลยจึงชักมีดเหวี่ยงไป 1 ที ไม่ทราบว่าถูกผู้ใด แล้ววิ่งหนีไป และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไว้ พิเคราะห์แล้วที่จำเลยอ้างว่า จำเลยวิ่งหนีโดยมีผู้ตายกับพวกไล่ตามแล้ว จำเลยถูกทุบที่คอด้วยสันมือจนล้มลง จำเลยจึงชักมีดเหวี่ยงไป 1 ที นั้น เมื่อได้พิจารณาถึงบาดแผลของผู้ตาย ซึ่งแพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลให้ความเห็นว่า”ถูกของมีคมแทงบริเวณทรวงอก ถูกปอดและเส้นเลือดใหญ่เสียเลือดมากจนถึงแก่ความตาย” จากบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าเกิดจากการถูกแทงตรง ๆอย่างแรง จึงเข้าลึกถึงปอดและเส้นเลือดใหญ่ มิได้เกิดจากการเหวี่ยงมีดดังจำเลยต่อสู้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ คดีฟังได้ว่าจำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องป้องกันตัวโดยชอบ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตาย…”
พิพากษายืน.

Share