แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในระหว่างพิจารณาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลในคดีอาญา โดยให้ถือเอาผลของคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม ในวันนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง และโจทก์มิได้คัดค้านคำเสนอท้าของจำเลย คงตกลงกันให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาตามที่จำเลยร้องขอ ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่าคดีอาญาถึงที่สุดแล้วขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาและพิพากษาให้เป็นไปตามที่คู่ความแถลงรับไว้ก่อนรอคดีด้วย ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม ถึงวันนัดโจทก์แถลงรับว่าคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว และคู่ความแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ติดใจสืบพยานต่อไปขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าของจำเลยซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วยเช่นนี้ จึงฟังได้ว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ท้ากันให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าที่จำเลยเสนอไว้ศาลจึงต้องพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้านั้น และถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละประเด็นข้อพิพาทอื่นนอกจากคำท้าโดยสิ้นเชิง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือตำราและแบบเรียน ที่นักเรียนใช้ โจทก์ที่ ๑ มอบหมายให้โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้จัดการขออนุญาตพิมพ์เป็นราย ๆ ไป โดยโจทก์ที่ ๑ ได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นรายเล่มจำเลยทั้งสองร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือและตำราแบบเรียนของโจทก์จำนวน ๘๕๕,๐๓๓ เล่ม โดยพิมพ์ที่โรงพิมพ์จำเลยที่ ๑ และทำสำเนาจำลอง ทำซ้ำดัดแปลงด้วยการใช้หนังสือที่โจทก์ทั้งสองให้โรงพิมพ์คุรุสภาเป็นผู้พิมพ์นั้นมาเป็นแบบ ได้พิมพ์และเย็บเป็นเล่มเหมือนหนังสือของโจทก์ เว้นแต่ไม่แจ้งราคาหนังสือ แต่ได้พิมพ์ข้อความว่า ‘สำหรับแจกเด็กนักเรียนยืมเรียน ห้ามขาย’ ไว้ที่ปกด้านใน ส่วนที่ปกหลังพิมพ์มีข้อความว่า พิมพ์ที่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นกรมการปกครอง ถนนพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร โทร.๒๗๙๑๔๖๔ นายพจน์ ภู่อารีย์ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา จำเลยทั้งสองได้นำหนังสือจำนวนดังกล่าวออกโฆษณา จำหน่ายและแจกจ่ายเพื่อประโยชน์ในการค้าของจำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในหนังสือและตำราแบบเรียนของโจทก์ที่ ๑ทั้งเป็นการเลียนเครื่องหมายราชการของโจทก์ที่ ๑ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าหนังสือที่จำเลยทั้งสองพิมพ์นั้นเป็นหนังสือที่โจทก์อนุญาตให้พิมพ์นอกจากโรงพิมพ์คุรุสภา ซึ่งไม่เป็นความจริง หนังสือตำราและแบบเรียนจำนวนดังกล่าวราคาจำหน่ายปกติเป็นเงิน ๒,๙๓๕,๓๑๑.๒๕ บาท หากโจทก์ที่ ๒ ให้ผู้อื่นจัดพิมพ์จะได้ค่าลิขสิทธิ์ ๒๓๓,๖๒๐.๗๓ บาท จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๓๓,๖๒๐.๗๓บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ ห้ามจำเลยจัดพิมพ์ตำราและแบบเรียนที่ใช้ในชั้นประถมปีที่ ๑ ถึง ๗ ให้ส่งสำเนาจำลองละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ที่จำเลยทั้งสอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้แก่โจทก์รวมทั้งแม่พิมพ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ในหนังสือและแบบเรียนกับเลียนเครื่องหมายราชการของโจทก์ที่ ๑เนื่องจากโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๑ เป็นผู้พิมพ์ เพื่อแจกให้แก่นักเรียนยากจนตามนโยบายของทางราชการ การแจกจ่ายเป็นหน้าที่ของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครองจัดส่งไปแจกฟรีให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ศาลชั้นต้นได้หมายเรียกกรมการปกครองเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของจำเลยทั้งสอง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งให้เรียกกรมการปกครองเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้จำหน่ายคดีเฉพาะกรมการปกครองจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามหลักฐานในสำนวนฟังได้ว่า ในระหว่างพิจารณาภายหลังที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้ ๒ ปากแล้ว จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ ขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ก่อน โดยให้รอฟังผลในคดีอาญาและให้ถือเอาผลของคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีเดชา กับพวก จำเลย ของศาลอาญาเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อม ในวันนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง และโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงให้รอการพิจารณาไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุดดังจำเลยร้องขอ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่๒๔ มิถุนายน ๒๕๒๕ ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงลงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม๒๕๒๗ แถลงว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ ถึงที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอาญาให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์มิได้ฎีกา ขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาและพิพากษาให้เป็นไปตามที่คู่ความแถลงรับไว้ก่อนรอคดีด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดพร้อมถึงวันนัดพร้อมโจทก์แถลงว่า โจทก์ยังไม่ทราบว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ ถึงที่สุดตามที่จำเลยแถลงหรือยัง โจทก์ขอเวลาติดตามสอบถามสักนัดหนึ่ง ในนัดหน้าโจทก์จะมาแถลงให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๗ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๒๗ ก่อนถึงวันนัดพร้อมเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ จำเลยส่งสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาของศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ ๑๒๐๕/๒๕๒๖ คดีหมายเลขแดงที่๘๐๗๙/๒๕๒๖ ระหว่างพนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีเดชากับพวก จำเลย ต่อศาลชั้นต้น ครั้งถึงวันนัดพร้อม ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๗ว่าโจทก์แถลงรับว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ นั้นถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ ๘๐๗๙/๒๕๒๖ ท้ายคำแถลงของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เมื่อคู่ความแถลงรับกันว่าคดีอาญาตามที่คู่ความให้รอไว้ถึงที่สุดแล้ว จึงให้ยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาพิพากษาต่อไป คู่ความแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาไปตามคำท้าของจำเลยตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ ซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วย และศาลได้จดไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๒๕ โจทก์จำเลยไม่ติดใจแถลงการณ์ คดีเสร็จการพิจารณาและศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๗
พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยได้ยื่นข้อเสนอคำท้าตามคำร้องของจำเลยลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๒๕ ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องนั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างก็แถลงรับค่าเสียหายหกันตามฟ้อง และโจทก์ก็มิได้คัดค้านคำเสนอท้าของจำเลยแต่อย่างใด คงตกลงกันให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ของศาลอาญาถึงที่สุดตามที่จำเลยร้องขอ ต่อมาในวันนัดพร้อมเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๗ โจทก์แถลงรับว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๖๑๓๕/๒๕๒๓ ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ ๘๐๗๙/๒๕๒๖ ท้ายคำแถลงของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗แล้วคู่ความแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าของจำเลยตามคำร้องของจำเลย ฉบับลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ ซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วย และศาลได้จดไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน๒๕๒๕ เช่นนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ชัดเจนแล้วว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายท้ากันให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าที่จำเลยเสนอไว้ต่อศาลตามคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้านั้น และถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละประเด็นข้อพิพาทอื่นนอกจากคำท้าโดยสิ้นเชิง
พิพากษายืน.