คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในระหว่างพิจารณาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลในคดีอาญา โดยให้ถือเอาผลของคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม ในวันนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง และโจทก์มิได้คัดค้านคำเสนอท้าของจำเลย คงตกลงกันให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาตามที่จำเลยร้องขอ ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่าคดีอาญาถึงที่สุดแล้วขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาและพิพากษาให้เป็นไปตามที่คู่ความแถลงรับไว้ก่อนรอคดีด้วยศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม ถึงวันนัดโจทก์แถลงรับว่าคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว และคู่ความแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ติดใจสืบพยานต่อไปขอให้ศาลพิจารณาคดีไปตามคำท้าของจำเลยซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วย เช่นนี้จึงฟังได้ว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ท้ากันให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าที่จำเลยเสนอไว้ ศาลจึงต้องพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้านั้น และถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละประเด็นข้อพิพาทอื่นนอกจากคำท้าโดยสิ้นเชิง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือตำราและแบบเรียน ที่นักเรียนใช้ โจทก์ที่ 1 มอบหมายให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการขออนุญาตพิมพ์เป็นราย ๆ ไป โดยโจทก์ที่ 1 ได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นรายเล่มจำเลยทั้งสองร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือและตำราแบบเรียนของโจทก์จำนวน 855,033 เล่ม เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในหนังสือและตำราแบบเรียนของโจทก์ที่ 1 ทั้งเป็นการเลียนเครื่องหมายราชการของโจทก์ที่ 1 ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 233,620.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยห้ามจำเลยจัดพิมพ์ตำราและแบบเรียนที่ใช้ในชั้นประถมปีที่ 1 ถึง 7ให้ส่งสำเนาจำลองละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ที่จำเลยทั้งสอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้แก่โจทก์รวมทั้งแม่พิมพ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ในหนังสือและแบบเรียนกับเลียนเครื่องหมายราชการของโจทก์ที่ 1 เนื่องจากโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้พิมพ์ เพื่อแจกให้แก่นักเรียนยากจนตามนโยบายของทางราชการ การแจกจ่ายเป็นหน้าที่ของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นกรมการปกครองจัดส่งไปแจกฟรีให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ศาลชั้นต้นได้หมายเรียกกรมการปกครองเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของจำเลยทั้งสอง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งให้เรียกกรมการปกครองเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้จำหน่ายคดีเฉพาะกรมการปกครองจำเลยร่วม
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงตามหลักฐานในสำนวนฟังได้ว่า ในระหว่างพิจารณาภายหลังที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปากแล้ว จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 18 มิถุนายน 2525ขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ก่อน โดยให้รอฟังผลในคดีอาญาและให้ถือเอาผลของคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6135/2523 ระหว่างพนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีเดชา กับพวก จำเลย ของศาลอาญาเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อม ในวันนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง และโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงให้รอการพิจารณาไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุดดังจำเลยร้องขอ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่24 มิถุนายน 2525 ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2527แถลงว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ 6135/2523 ถึงที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอาญาให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาและพิพากษาให้เป็นไปตามที่คู่ความแถลงรับไว้ก่อนรอคดีด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดพร้อม ถึงวันนัดพร้อมโจทก์แถลงว่าโจทก์ยังไม่ทราบว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่6135/2523 ถึงที่สุดตามที่จำเลยแถลงหรือยัง โจทก์ขอเวลาติดตามสอบถามสักนัดหนึ่ง ในนัดหน้าโจทก์จะมาแถลงให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมในวันที่ 24 กรกฎาคม 2527 ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 21 มิถุนายน 2527 ก่อนถึงวันนัดพร้อมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2527 จำเลยส่งสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาของศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ 1205/2526 คดีหมายเลขแดงที่ 8079/2526ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีเดชากับพวก จำเลย ต่อศาลชั้นต้น ครั้นถึงวันนัดพร้อม ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2527 ว่า โจทก์แถลงรับว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6135/2523 นั้นถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ 8079/2526 ท้ายคำแถลงของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2527 เมื่อคู่ความแถลงรับกันว่าคดีอาญาตามที่คู่ความให้รอไว้ถึงที่สุดแล้วจึงให้ยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาพิพากษาต่อไปคู่ความแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาไปตามคำท้าของจำเลยตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน2525 ซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วย และศาลได้จดไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 24 มิถุนายน 2525 โจทก์จำเลยไม่ติดใจแถลงการณ์ คดีเสร็จการพิจารณาและศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 สิงหาคม 2527
พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยได้ยื่นข้อเสนอคำท้าตามคำร้องของจำเลยลงวันที่ 18 มิถุนายน 2525 โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน 2525 ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องนั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างก็แถลงรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง และโจทก์ก็มิได้คัดค้านคำเสนอท้าของจำเลยแต่อย่างใดคงตกลงกันให้รอการพิจารณาคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีอาญาหมายเลขดำที่6135/2523 ของศาลอาญาถึงที่สุดตามที่จำเลยร้องขอ ต่อมาในวันนัดพร้อมเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2527 โจทก์แถลงรับว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ 6135/2523 ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ 8079/2526 ท้ายคำแถลงของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2527 แล้วคู่ความแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าของจำเลยตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่18 มิถุนายน 2525 ซึ่งโจทก์เห็นชอบด้วย และศาลได้จดไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 24 มิถุนายน 2525 เช่นนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ชัดเจนแล้วว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายท้ากันให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าที่จำเลยเสนอไว้ต่อศาลตามคำร้องฉบับลงวันที่ 18มิถุนายน 2525 ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้านั้นและถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างสละประเด็นข้อพิพาทอื่นนอกจากคำท้าโดยสิ้นเชิง คำท้านั้นมีว่า ถ้าคดีอาญา (คดีหมายเลขดำที่ 6135/2523ของศาลอาญา) ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ปลอมแบบเรียนหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของกระทรวงศึกษาธิการให้ยกฟ้อง (ให้ถือว่า)การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นการละเมิดต่อกระทรวงศึกษาธิการ (โจทก์ที่ 1) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ให้ศาลยกฟ้องคดีนี้ แต่ถ้าคดีอาญาศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ปลอมแบบเรียนหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของกระทรวงศึกษาธิการมีความผิดให้ลงโทษแล้วในคดีนี้ให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายในประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 ที่ศาลได้กำหนดไว้ในวันชี้สองสถานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2522 เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในประเด็นที่ว่าเป็นฟ้องซ้อนหรือไม่ แล้วจึงวินิจแัยในเรื่องค่าเสียหายต่อไป ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายรับค่าเสียหายกันตามฟ้อง ดังนั้น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2527 คู่ความแถลงรับกันว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ 6135/2523 ของศาลอาญาได้ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ 8079/2526ศาลย่อมพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปตามคำท้าของคู่ความทั้งสองฝ่ายได้แล้วผลของคดีอาญาที่ท้ากันปรากฏข้อเท็จจริงตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ 8079/2526 ถึงที่สุดที่คู่ความรับกันศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่มีเจตนาทำปลอม ทั้งมิได้มีเจตนาให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์จากโรงพิมพ์คุรุสภาแต่ประการใด การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอาญาให้ยกฟ้องโจทก์ เช่นนี้ จึงต้องถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่เป็นการละเมิดต่อกระทรวงศึกษาธิการ (โจทก์ที่ 1)ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ศาลชั้นต้นจึงต้องพิพากษายกฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีนี้เสียตามคำท้า โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีกต่อไป ฉะนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีให้โจทก์ทั้งสองแพ้คดีจำเลยทั้งสองตามคำท้านั้น จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว”
พิพากษายืน

Share