แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาค้ำประกัน
การแปลสัญญา ต้องแปลให้เป็นผลดีกับลูกหนี้
ย่อยาว
คดีนี้จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือยืมเงินโจทก์หลายฉะบับ ๆ ละ ๕๐ บาท รวมต้นเงิน ๕๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ เป็นผู้ค้ำประกันโดยทำสัญญาค้ำประกันว่าด้วยนายจือซัน (จำเลยที่ ๑) ยืมเงินของท่าน (โจทก์) ไป ๕๐ บาท เงินรายนี้เมื่อนายจือซันไม่นำต้นเงินมาส่งใช้ให้แก่ท่านตามกำหนดสัญญาด้วยประการใด ผู้เป็นนายประกันยอมรับใช้เงินจำนวนนี้ให้ท่านจนครบ และในตอนท้ายได้เขียนข้อความเพิ่มเติมจากแบบพิมพ์ว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่าหวยนายจือซันหุ้นนี้กว่าจะเียได้
ศาลเดิมให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๕๐๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ถ้าไม่ใช้ให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ใช้แทนแต่เพียง ๕๐ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาประกันนั้นหมายความว่านายประกันรับรองหนี้สิ้นที่จำเลยที่ ๑ จะต้องส่งทุก ๆ เดือนจนกว่าจะเปียได้ จึงให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ รับผิดในจำนวนเงิน ๕๐๐ บาทด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่เขียนในตอนท้ายนั้นไม่ได้หมายถึงเงินหนี้ที่จะมีเกินกว่า ๕๐ บาทขึ้-นไป ที่ศาลอุทธรณ์แปลความมาดังนั้นเป็นการแปลเกินไปจากลายลักษณะอักษรที่มีอยู่ในสัญญาย่อมเป็นผลร้ายแก่ลูกหนี้ต้องด้วยลักษณะการแปลสัญญา จึงตัดสินยืนตามศาลเดิม